โจเซฟ เมนเกเล เทพแห่งความตายกับการทดลองวิปลาสในเอาชวิตซ์
โจเซฟ เมนเกเล (Josef Mengele) หรือที่รู้จักกันในนาม "เทพแห่งความตาย" คือนายแพทย์นาซีผู้ดำเนินการทดลองสุดโหดเหี้ยมกับนักโทษในค่ายกักกันเอาชวิตซ์ (Auschwitz) ประเทศโปแลนด์ ระหว่างปี 1943 ถึง 1945 การกระทำอันไร้มนุษยธรรมของเขาได้ทิ้งรอยแผลเป็นอันลึกซึ้งไว้ในประวัติศาสตร์ และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมืดมิดที่วิทยาศาสตร์สามารถดำดิ่งลงไปได้เมื่อปราศจากจริยธรรม
เมนเกเลเกิดในปี 1911 ในครอบครัวที่มั่งคั่ง เขาศึกษาปรัชญาและแพทยศาสตร์ ก่อนจะเข้าร่วมพรรคนาซีในปี 1937 และเริ่มหลงใหลในทฤษฎีเชื้อชาติที่เหนือกว่า หลังเข้าร่วมกองทัพในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้รับแต่งตั้งให้ประจำการที่ค่ายกักกันเอาชวิตซ์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของ โฮโลคอสต์ หรือแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซี นอกจากชาวยิวแล้ว ยังมีชาวยิปซี ผู้พิการ และผู้ต่อต้านระบอบนาซีอีกหลายกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อ
เมื่อได้รับตำแหน่งหัวหน้าแพทย์ของค่ายเบียร์เคเนา เมนเกเลก็เริ่มการทดลองอันแปลกประหลาดกับนักโทษ เขามีอำนาจชี้เป็นชี้ตายว่าใครจะถูกบังคับใช้แรงงาน ใครจะถูกส่งไปห้องรมแก๊ส หรือใครจะถูกเก็บไว้เพื่อการทดลองที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย เขามักแต่งกายด้วยเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดและมีพฤติกรรมผิวปากขณะเลือกเหยื่อที่น่าขนลุก เขาจะชี้นักโทษไปทางซ้ายหรือขวา ซึ่งทางหนึ่งหมายถึงค่ายแรงงาน ส่วนอีกทางหนึ่งคือห้องรมแก๊ส เขายังชอบเล่นเกมแปลกๆ เช่น การให้ทายชื่อเพลง หากตอบผิดก็จะถูกส่งไปตายทันที
ความหมกมุ่นของเมนเกเลอยู่ที่เรื่อง พันธุกรรม โดยเฉพาะการศึกษา ฝาแฝด เขาเชื่อว่าการเพิ่มอัตราการเกิดของฝาแฝดจะช่วยเพิ่มประชากรของไรช์ที่สามได้ การทดลองของเขารวมถึงการฉีดโรคร้ายเข้าสู่ร่างกายเหยื่อโดยตรง การทดลองในเด็ก เช่น การขังเด็กในกรงเพื่อสังเกตปฏิกิริยา การฉีดเลือดของฝาแฝดให้กันและกัน แม้จะเป็นหมู่เลือดที่แตกต่างกัน รวมถึงการผ่าตัดแขนขาหรืออวัยวะออกจากร่างเหยื่อโดยไม่ใช้ยาชา และการพยายามเย็บเด็กสองคนเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแฝดสยาม นอกจากนี้ เขายังฉีดสีย้อมสีฟ้าเข้าไปในดวงตาของเหยื่อเพื่อพยายามสร้างตาสีฟ้าในอุดมคติของนาซี ซึ่งมักทำให้เหยื่อตาบอด และเมื่อเหยื่อเสียชีวิต เขาจะนำดวงตาของพวกเขาติดไว้บนผนังห้องทำงาน
สิ่งสำคัญคือ การทดลองของเมนเกเลแทบไม่ได้ให้ประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงเลย ผู้ที่เคยร่วมงานกับเขาระบุว่าเมนเกเลเป็นเพียงคนบ้าที่ทำทุกอย่างเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของตัวเอง
เมื่อเอาชวิตซ์ได้รับการปลดปล่อยในปี 1945 เมนเกเลก็สามารถหลบหนีไปได้ เขาอาศัยอยู่ภายใต้ชื่อปลอมหลายชื่อในอเมริกาใต้ โดยได้รับความช่วยเหลือจากเครือข่ายลับของนาซีเก่าและผู้ให้การสนับสนุน เมนเกเลสามารถหลบหนีการจับกุมได้เกือบสามทศวรรษ แม้จะเป็นหนึ่งในอาชญากรสงครามนาซีที่ถูกตามล่ามากที่สุดก็ตาม
ในที่สุด เมนเกเลเสียชีวิตจากการจมน้ำเสียชีวิตที่บราซิลเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1979 โดยไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา จนกระทั่งปี 1985 มีการขุดศพขึ้นมาและยืนยันด้วย DNA ว่าเป็นร่างของเขา การที่เมนเกเลไม่เคยถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชีวิตจริงนั้น ยังคงเป็นความเจ็บปวดและตอกย้ำความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับเหยื่อผู้บริสุทธิ์นับพันนับหมื่นคน และเป็นบทเรียนอันน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับความสุดขั้วของความชั่วร้ายที่มนุษย์สามารถกระทำได้
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ภาพวาดแผ่นเดียว ครูต้องรีบแจ้งแม่ให้พาไปหาหมอ ด่วน!!!
IO เขมรปั่นหนัก! ใช้ AI สร้างพาสปอร์ตปลอม อ้าง “บัวขาว” เป็นคนกัมพูชา ไม่ใช่คนไทย








