เจรังกุง ความเชื่อและพิธีกรรมปริศนาแห่งอินโดนีเซีย
ในทุกวัฒนธรรมทั่วโลก มนุษย์มักมีความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตายและพิธีกรรมที่หลากหลายเพื่อเชื่อมต่อกับวิญญาณ หนึ่งในพิธีกรรมที่น่าสนใจคือ "เจรังกุง" (Jelangkung) จากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการอัญเชิญวิญญาณมาสถิตในตุ๊กตา
จากรากฐานสู่ปัจจุบัน
ความเชื่อในการสื่อสารกับวิญญาณมีมาแต่โบราณ เช่น พีทาโกรัส นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก ผู้ริเริ่มแนวคิดที่ต่อมากลายเป็น กระดานวีจี (Ouija Board) หรือ ผีถ้วยแก้ว ในไทย รวมถึงพิธีกรรม ร่างทรง ที่วิญญาณเข้าสิงร่างมนุษย์เพื่อตอบคำถามและทำนายอนาคต สิ่งสำคัญที่ทุกพิธีกรรมเน้นย้ำคือ ข้อห้าม การลืมส่งวิญญาณกลับหลังจากเสร็จพิธี อาจนำมาซึ่งผลร้ายแรง เช่น ถูกเข้าสิง หรือถึงแก่ชีวิต
เจรังกุงมีต้นกำเนิดจากพิธีกรรม "ฉายหลังกง" (Cailangkong) ของจีน จัดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวงเพื่อเชื่อมต่อกับบรรพบุรุษ พิธีนี้ใช้ตุ๊กตาที่ทำจากกะลามะพร้าวผูกปากกาไว้ สองคนจับตุ๊กตา อีกคนท่องคาถา เมื่อตุ๊กตามีน้ำหนักขึ้นหมายถึงวิญญาณมาสถิตแล้ว วิญญาณจะตอบคำถามโดยการขยับตุ๊กตาเขียนบนกระดาษ เมื่อเสร็จสิ้น ต้องทำพิธีส่งวิญญาณกลับ
เมื่อฉายหลังกงเลือนหายไปจากจีน อินโดนีเซียได้รับอิทธิพลและพัฒนามาเป็น เจรังกุง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แรกเริ่มใช้เพื่อวินิจฉัยและรักษาโรค แต่ต่อมาขยายวัตถุประสงค์เพื่อถามคำถาม ดูดวง หรือทำนายอนาคต
เรื่องเล่าอาถรรพ์และมุมมองทางวิทยาศาสตร์
ตลอดประวัติศาสตร์ของเจรังกุง มักมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์ของผู้ที่ไม่ส่งวิญญาณกลับ ดังเช่นเหตุการณ์ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย เมื่อกลุ่มนักเรียนชายลองเล่นเจรังกุงโดยไม่ส่งวิญญาณกลับ ทำให้พวกเขาเกิดอาการคุ้มคลั่งเสียสติ จนต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือ หลังจากนั้น โรงเรียนจึงสั่งห้ามการเล่นเจรังกุงเด็ดขาด
แม้กาลเวลาจะผ่านไปนาน เจรังกุงยังคงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในเทศกาลพื้นบ้านและโอกาสพิเศษต่างๆ ตุ๊กตาเจรังกุงถูกประดิษฐ์จากวัสดุหลากหลาย เช่น ไม้ไผ่ หรือแม้แต่เศษเก้าอี้ไม้เก่าๆ และมีการแสดงพิธีกรรมให้ชาวบ้านรับชม ทำให้เรื่องราวของตุ๊กตาที่เคลื่อนไหวได้นี้แพร่หลายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากพยายามหาคำตอบในเชิงวิทยาศาสตร์สำหรับปรากฏการณ์เหล่านี้ พวกเขาศึกษา "Ideomotor Phenomenon" หรือ "การเคลื่อนไหวของร่างกายมนุษย์โดยไม่ได้มีเจตนา" ซึ่งระบุว่า ความคิดและความคาดหวังของมนุษย์สามารถส่งผลต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้เราออกแรงขยับสิ่งของโดยไม่รู้ตัว นำไปสู่ความเข้าใจผิดว่าเป็นการกระทำของวิญญาณ
การวิจัยพบว่าเมื่อผู้เล่นกระดานวีจี สายตาจะเพ่งไปที่ตัวอักษรที่คาดหวัง และกระดานก็จะเลื่อนไปตามนั้น โดยผู้เล่นอาจไม่รู้ตัวว่าการเคลื่อนไหวเกิดจากจิตใต้สำนึกของตนเอง กรณีเดียวกับตุ๊กตาเจรังกุงที่บางคนสร้างขึ้นเองแล้วพบว่าสามารถขยับได้โดยไม่ได้ทำพิธีอัญเชิญวิญญาณ
จึงทำให้เกิดมุมมองสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อในวิญญาณและสิ่งเหนือธรรมชาติ อีกฝ่ายมองว่าเป็นผลจากจิตใต้สำนึกและหลักการ Ideomotor Phenomenon
ไม่ว่าคุณจะเชื่อในด้านใด สิ่งสำคัญคือการใช้วิจารณญาณ และเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเชื่อและแสดงความคิดเห็น ตราบใดที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้อื่น
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย
ใครที่ยังตั้งรหัสผ่านง่ายๆ รีบเปลี่ยนด่วน! เพราะไม่ปลอดภัยอาจโดนเจาะได้
เปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยา
เจาะเทรนด์ปี 2026! นิสัยและไลฟ์สไตล์ผู้ชายแบบไหนที่ "ดึงดูดใจ" สาวๆ ยุคใหม่มากที่สุด
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
บุรีรัมย์เดือด! ศึกชิงเก้าอี้ สส. วันแรกคึกคัก 'ไหม ศิริกัญญา' บุกถิ่นพรรคสีน้ำเงิน ท้าชนกลุ่มอำนาจเดิม
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
พระสงษ์ชาวเวียดนาม ผู้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องศาสนา
เรื่องของผู้ชายที่ควรรู้เกี่ยวกับการช่วยตัวเองบ่อยๆ ว่าจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายลดลงหรือไม่
เฉลยแล้ว! 2 จุดอับใน "เครื่องซักผ้า" ที่หลายคนมองข้าม จนกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว
“แอ่งดานาคิล” ราวกับอยู่บนต่างดาว สถานที่สุดโหดร้ายแห่งหนึ่งของโลก
ภาพของเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงหรือทีมทำความสะอาด ที่กำลังปฏิบัติงานบริเวณ "ดวงตา" ขององค์พระพุทธรูปอุชิคุ ไดบุตสึ


