อันตรายซ่อนอยู่ใน “หอยขม” และ “หอยโข่ง” ที่ปรุงไม่สะอาด เสี่ยงติดพยาธิและปรสิตร้ายแรง
ในวัฒนธรรมอาหารของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคกลาง หอยขมและหอยโข่งถือเป็นวัตถุดิบที่ทั้งบ้าน ๆ และแซ่บถึงใจ ใครที่เคยลิ้มลอง “แกงอ่อมหอยขม”, “หอยโข่งลวกจิ้ม”, หรือ “ตำหอย” คงจดจำได้ถึงความมันเค็มและรสสัมผัสกรุบกรอบเฉพาะตัว
แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้หรือมองข้ามก็คือ...
หอยน้ำจืดเหล่านี้เป็นพาหะของพยาธิและปรสิตหลายชนิด
และหากไม่ผ่านการทำความสะอาดที่ถูกต้อง หรือปรุงไม่สุกพอ อาจกลายเป็นต้นเหตุของโรคที่รุนแรงถึงชีวิต
หอยขม-หอยโข่ง: ของอร่อยพื้นบ้าน แต่เสี่ยงเพราะแหล่งอาศัย
หอยขม (Viviparidae) และ หอยโข่ง (Pila spp.) เป็นหอยน้ำจืดที่พบได้ทั่วไปในแหล่งน้ำตื้น เช่น นาข้าว คูคลอง หนองบึง หรือแม้แต่แอ่งน้ำขังริมถนน หอยเหล่านี้กินซากพืช ซากสัตว์ และขี้ตะกอนที่หมักหมมในแหล่งน้ำ ซึ่งทำให้ตัวมันเองกลายเป็น “ตัวกลาง” หรือ “โฮสต์” ของปรสิตต่าง ๆ โดยไม่เจ็บป่วย
ในทางชีววิทยา หอยน้ำจืดหลายชนิดเป็น “ตัวกลางวงจรชีวิตของพยาธิ” นั่นหมายถึง พยาธิจะใช้หอยเป็นที่ฟักตัวหรือเติบโต ก่อนจะกระโดดเข้าสู่ร่างกายมนุษย์เมื่อกินเข้าไป
พยาธิที่พบในหอยขม-หอยโข่ง: มันไม่ธรรมดา!
-
พยาธิใบไม้ในตับ (Liver Fluke)
-
พบบ่อยในหอยขมที่อยู่ตามแหล่งน้ำที่มีมูลสัตว์ปนเปื้อน
-
หากรับประทานหอยดิบหรือปรุงไม่สุก พยาธิจะเข้าสู่ลำไส้ แล้วเคลื่อนตัวไปยังท่อน้ำดีและตับ
-
อาการ: ปวดท้อง แน่นท้อง อ่อนเพลีย ไข้ต่ำเรื้อรัง
-
หากเรื้อรัง อาจเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีได้
-
-
พยาธิใบไม้ในปอด (Lung Fluke)
-
หอยโข่งที่ติดเชื้อพยาธินี้อาจทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะ หรือปอดติดเชื้อ
-
บางรายเข้าใจผิดว่าเป็นวัณโรค เพราะอาการคล้ายกัน
-
พยาธิอาจเดินทางผิดทิศ ไปสมองหรืออวัยวะอื่นได้อีกด้วย
-
-
พยาธิเมตาโกนิมัส (Metagonimus spp.)
เสี่ยงแค่ไหน ถ้ากินดิบหรือไม่สะอาด?
หอยต้มไม่เดือด หอยตำแล้วไม่ล้าง หอยย่างแต่ไม่สุก — คือบันไดนำเชื้อโรคเข้าปาก
-
การลวกหอยเพียงไม่กี่วินาที ไม่สามารถฆ่าพยาธิได้
-
แกงหอยที่เพิ่ง “เดือดปุด ๆ” ก็ยังเสี่ยง ถ้าหอยมีขนาดใหญ่
-
หอยที่ล้างไม่สะอาด ขี้ดินหรือเมือกในตัวหอยอาจเต็มไปด้วยไข่พยาธิหรือระยะติดต่อ
สำคัญที่สุดคือ: พยาธิไม่มีกลิ่น ไม่เห็นด้วยตาเปล่า และไม่ถูกทำลายด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา หรือแอลกอฮอล์จากเหล้า (บางคนเชื่อว่าแช่หอยในเหล้าขาวแล้วปลอดภัย ซึ่งไม่จริง)
ทำไมบางคนกินแล้วไม่เป็นอะไร?
คำถามยอดฮิต คือ “บ้านเราก็กินมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
คำตอบคือ… บางคนมีภูมิคุ้มกันดี ร่างกายแข็งแรง พยาธิเข้าไปก็ไม่ทันได้ก่อปัญหา
แต่!
-
พยาธิบางตัวใช้เวลาเป็นปี กว่าจะแสดงอาการ
-
หรือสะสมจนเกิดภาวะแทรกซ้อนในวัยสูงอายุ เช่น นิ่วในถุงน้ำดี ตับโต น้ำดีอุดตัน
ที่น่ากลัวที่สุด คือ มะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดีที่พบมากในภาคอีสานของไทย
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า สัมพันธ์กับการบริโภคหอยและปลาน้ำจืดดิบโดยตรง
วิธีบริโภคหอยน้ำจืดให้ปลอดภัย
-
ล้างให้สะอาดหลายครั้ง โดยแช่ในน้ำสะอาดแล้วเปลี่ยนน้ำเรื่อย ๆ จนไม่มีตะกอน
-
แช่หอยในน้ำเกลือหรือสารส้ม ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้หอยคายของเสีย
-
ต้มให้เดือดนาน 5-10 นาที อย่าแค่ให้เปลือกเปิด ต้องมั่นใจว่าความร้อนเข้าไปถึงเนื้อใน
-
หลีกเลี่ยงการกินดิบเด็ดขาด แม้จะอยู่ในเมนูโปรดอย่าง “ตำหอย”, “ลาบหอย”, “จุ๊หอย” ฯลฯ
-
ไม่ใช้หอยที่ตายแล้วมาปรุงอาหาร เพราะอาจมีเชื้อเน่าและพยาธิสะสมมาก
หอยขมและหอยโข่งไม่ใช่ผู้ร้าย
แต่การไม่เข้าใจธรรมชาติของพวกมัน และการละเลยการปรุงอย่างถูกวิธี
คือปัจจัยที่ทำให้พวกมันกลายเป็น “ภัยเงียบ” ที่พาโรคร้ายเข้าสู่ร่างกายเราโดยไม่รู้ตัว
เพราะในรสชาติเค็ม มัน กลมกล่อมของแกงหอยหรือหอยย่าง
อาจแฝงด้วย “ร่างจิ๋ว ๆ ของพยาธิ” ที่พร้อมทำให้ตับของเราอักเสบ ปอดของเรามีหนอง หรือแม้แต่…ชีวิตเราต้องจบก่อนเวลาอันควร
กินได้ – แต่อย่าลืมว่า ของแซ่บก็ต้องแซ่บอย่างมีสติ














