กฏ 5 ข้อ ของการใช้กล้องโบราณ
กฏ 5 ข้อ ในการใช้กล้องลึกลับจากบรรพชน
ณ บ้านไม้สองชั้นเก่าแก่กลางสวนผลไม้ ชายหนุ่มชื่อ ‘ภัทร’ เพิ่งกลับมาเยี่ยม ‘พ่อ’ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายหลังเกษียณ ภัทรเป็นคนเมืองกรุง คุ้นเคยกับเทคโนโลยีทันสมัย การกลับมาบ้านครั้งนี้จึงดูเงียบเหงาและน่าเบื่อสำหรับเขา
ระหว่างที่เดินสำรวจบ้าน ภัทรบังเอิญเจอกับห้องเก็บของเก่ารกคร่ำครึ เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ในอดีต สายตาของเขาพลันสะดุดกับกล่องไม้สีน้ำตาลเข้ม ผิวสัมผัสหยาบกร้านราวกับผ่านกาลเวลามานาน เมื่อเปิดออก ภัทรพบกล้องถ่ายรูปตัวใหญ่ รูปทรงโบราณทำจากไม้และโลหะ เลนส์สีดำขลับดูน่าค้นหา ข้างๆ กล้องมีกระดาษสีเหลืองซีด พับไว้อย่างดี
“นั่นมันกล้องของคุณปู่” พ่อของภัทรเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นลูกชายถือกล้องลงมา “พ่อไม่เคยใช้มันหรอก ตั้งแต่ปู่เสียไป พ่อก็เก็บไว้แบบนั้น”
ภัทรแสดงความสนใจในทันที เขาลูบคลำตัวกล้องอย่างตื่นเต้น “มันดูขลังมากเลยครับพ่อ ลองถ่ายรูปดูได้ไหม”
พ่อถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกระดาษสีเหลืองจากมือภัทร “นี่คือกฎห้าข้อที่คุณปู่เขียนไว้เกี่ยวกับกล้องตัวนี้ พ่อไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ปู่กำชับนักกำชับหนาว่าห้ามละเมิดมันเด็ดขาด ถ้าแกคิดจะใช้ ก็อ่านให้ดี และจำไว้”
ภัทรกางกระดาษเก่าๆ นั้นออก ตัวอักษรเขียนด้วยลายมือที่บรรจงแต่มีร่องรอยความสั่นเครือ กฎทั้งห้าข้อมีดังนี้:
กฎ 5 ข้อของการถ่ายรูปด้วยกล้องโบราณ
1. อย่าถ่ายภาพคนเพียงลำพังในยามค่ำคืน: กล้องนี้จะดึงเงาที่แท้จริงออกมา หากจิตใจผู้นั้นอ่อนแอ อาจมีสิ่งอื่นแทรกซ้อนเข้ามาในภาพ
2. อย่าถ่ายภาพซ้ำบุคคลเดิมในสถานที่เดิมเกินสามครั้งต่อวัน: พลังงานของสถานที่และบุคคลจะถูกกักเก็บไว้มากเกินไป อาจนำมาซึ่งความผิดเพี้ยนในห้วงมิติ
3. ก่อนถ่ายภาพทุกครั้ง จงเอ่ยชื่อผู้ที่อยู่ในภาพด้วยความเคารพ: การลืมหรือไม่ใส่ใจ จะเป็นการเปิดประตูให้วิญญาณที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาปรากฏ
4. เมื่อถ่ายภาพเสร็จ ห้ามทิ้งภาพไว้ข้ามคืนโดยเด็ดขาด: ภาพที่ถูกทิ้งไว้นานเกินไป อาจถูก ‘บางสิ่ง’ ครอบครอง และนำความโชคร้ายมาสู่เจ้าของ
5. หากภาพใดปรากฏสิ่งผิดปกติ จงทำลายภาพนั้นทันที และคนที่ใช้กล้องถ่ายรูปอย่าได้ถ่ายภาพด้วยกล้องนี้อีกต่อไป: นั่นคือสัญญาณเตือนถึงความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไข
ภัทรขมวดคิ้วเล็กน้อยกับกฎที่ดูแปลกประหลาด แต่ด้วยความอยากรู้อยากลอง เขาเก็บกฎนั้นไว้ในใจ
คืนนั้น ภัทรตัดสินใจลองใช้กล้องโบราณ เขาเดินไปรอบๆ บ้าน ถ่ายภาพสิ่งของต่างๆ ในห้องด้วยแสงจากโคมไฟ แม้ภาพที่ออกมาจะเป็นสีขาวดำและดูเก่า แต่ก็มีเสน่ห์อย่างประหลาด
จนกระทั่งตกดึก ภัทรนึกสนุก อยากจะลองถ่ายรูปตัวเอง เขามองกระจกในห้องนอน จัดท่าทาง และยกกล้องขึ้นเล็ง ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกถึงกฎข้อที่หนึ่ง “อย่าถ่ายภาพคนเพียงลำพังในยามค่ำคืน” ภัทรลังเล แต่ด้วยความมั่นใจในตัวเอง เขาคิดว่ามันคงเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
“แชะ!” เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น ภัทรรีบนำกระดาษสำหรับล้างรูปใส่ลงในน้ำยาตามวิธีที่คุณปู่เคยเขียนไว้ รอจนภาพค่อยๆ ปรากฏขึ้น ดวงตาของภัทรเบิกกว้างด้วยความตกใจ ในภาพขาวดำนั้น นอกจากตัวเขาที่ยืนอยู่หน้ากระจกแล้ว ยังมีเงาตะคุ่มดำมืด คล้ายรูปร่างคนอีกคน ซ้อนอยู่ด้านหลังของเขา เงานั้นไม่มีใบหน้า แต่ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ภัทรรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขานึกถึงคำเตือนของพ่อ และกฎข้อแรกของคุณปู่ด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เข้าใจว่าเงาประหลาดนั้นมาจากไหน
เช้าวันต่อมา ภัทรเล่าเรื่องภาพถ่ายให้พ่อฟัง พ่อมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าละเมิดกฎ! นั่นมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะภัทร” พ่อตำหนิด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ภัทรเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ยังคงมีความสงสัยใคร่รู้ เขาตัดสินใจที่จะลองทำตามกฎข้ออื่นๆ ดูบ้าง เพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ในวันนั้น ภัทรลองถ่ายรูปต้นไม้ใหญ่หลังบ้านหลายครั้งในมุมเดิม แต่ไม่เกินสามครั้งตามกฎข้อที่สอง ภาพที่ออกมาก็ดูปกติ ไม่มีอะไรผิดสังเกต
ตกเย็น ภัทรลองถ่ายรูปพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะกดชัตเตอร์ เขานึกขึ้นได้ถึงกฎข้อที่สาม “ก่อนถ่ายภาพทุกครั้ง จงเอ่ยชื่อผู้ที่อยู่ในภาพด้วยความเคารพ” ภัทรรีบท่องในใจ “พ่อ… พ่อ…” แล้วจึงกดชัตเตอร์ ภาพที่ออกมาก็ดูเหมือนพ่อของเขาตามปกติ
เมื่อถ่ายภาพเสร็จ ภัทรวางแผนว่าจะล้างรูปทั้งหมดในวันรุ่งขึ้น แต่แล้วเขาก็นึกถึงกฎข้อที่สี่ “เมื่อถ่ายภาพเสร็จ ห้ามทิ้งภาพไว้ข้ามคืนโดยเด็ดขาด” ด้วยความขี้เกียจ ภัทรคิดว่าคงไม่เป็นอะไร เขาจึงวางกล้องและรูปที่ยังไม่ได้ล้างไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วเข้านอน
ในคืนนั้นเอง ภัทรฝันร้าย เขาฝันเห็นเงาประหลาดในภาพถ่ายเมื่อคืน ตามหลอกหลอนเขาในความมืดมิด เสียงกระซิบแผ่วเบาดังก้องอยู่ในหู ฟังไม่ได้ศัพท์แต่สร้างความหวาดผวาอย่างที่สุด ภัทรรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อตื่นเช้ามา ภัทรรีบไปดูรูปที่เขาวางไว้บนโต๊ะ ภาพถ่ายเหล่านั้นยังคงเป็นปกติ แต่ความรู้สึกไม่สบายใจยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
ด้วยความประมาท ภัทรตัดสินใจที่จะละเมิดกฎอีกครั้ง ในช่วงบ่าย เขาชวนพ่อไปถ่ายรูปที่ศาลาริมน้ำเก่าแก่ในหมู่บ้าน เขาถ่ายรูปพ่อในมุมเดิมซ้ำๆ กันถึงสี่ห้าครั้ง โดยไม่ได้ใส่ใจกฎข้อที่สอง
เมื่อกลับมาถึงบ้าน และล้างรูปเหล่านั้น สิ่งที่ปรากฏทำให้ภัทรและพ่อถึงกับตกตะลึง ในภาพถ่ายที่ถ่ายเกินสามครั้งนั้น ใบหน้าของพ่อเริ่มเลือนราง ดวงตาดูว่างเปล่า และมีร่องรอยของความผิดเพี้ยนปรากฏอยู่บนใบหน้าอย่างน่ากลัว
พ่อของภัทรหน้าซีดเผือด เขาเริ่มเชื่อแล้วว่ากฎของคุณปู่ไม่ใช่เรื่องงมงาย
“ทำยังไงดีภัทร! เกิดอะไรขึ้นกับรูปพ่อ!” พ่อถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ภัทรเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขานึกถึงกฎข้อสุดท้าย “หากภาพใดปรากฏสิ่งผิดปกติ จงทำลายภาพนั้นทันที และอย่าได้ถ่ายภาพด้วยกล้องนี้อีกต่อไป”
ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะทำลายภาพถ่ายที่ผิดปกติเหล่านั้น พวกเขานำภาพไปเผาในเตาผิงจนไหม้เป็นเถ้าดำ แต่ความรู้สึกหวาดกลัวยังคงไม่จางหายไป
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ภัทรไม่กล้าแตะต้องกล้องโบราณของคุณปู่อีกเลย พ่อของเขาก็เช่นกัน กล้องตัวนั้นถูกเก็บกลับเข้าไปในห้องเก็บของ ปล่อยให้มันจมอยู่กับความลับและความน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนอยู่
ภัทรกลับไปใช้ชีวิตในเมือง แต่เรื่องราวของกล้องโบราณและกฎห้าข้อนั้นยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่ในความทรงจำ เขาได้เรียนรู้แล้วว่า บางครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงของเก่าแก่ไร้ค่า อาจซ่อนเร้นพลังงานและความน่ากลัวที่ไม่อาจคาดเดาได้ และการละเมิดกฎเกณฑ์ที่ถูกส่งต่อกันมา อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนกลับได้ตลอดกาล
รับชมคลิป หากชอบ ฝากกดติตามและกดถูกใจให้ด้วยนะครับ
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
มิตรภาพใต้สมุทร เมื่อ "วาฬเพชฌฆาต" จับมือ "โลมา" ร่วมทีมล่าล่าเหยื่อ
การกินต้นหอมเป็นประจำ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ช่องอานม้าแตก! ทหารไทยรุกยึดบังเกอร์ ปักธงชาติคืนพื้นที่
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว













