หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ที่มาของคำว่า “ชา”

โพสท์โดย Phromtima

     ในเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักกับคำว่า ชา เพราะทุกคนคงเจอทุกวันนั้นคือการกินชา ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ชาไทย พูดแล้วก็อยากกินขึ้นมาเลย แต่ว่าชา มีที่มาจากไหนกันนะ มาลองดูกัน

 

     ชา คนไทยใช้เรียกกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง มีหลักฐานกล่าวถึงการดื่มชาว่า เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยช่วงที่มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศจีน โดยปรากฏหลักฐานชัดเจนจากจดหมายเหตุของ ลาลูแบร์ ราชฑูตฝรั่งเศส ในแผ่นดินของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งพูดถึงการดื่มชาในสยามว่า ดื่มเฉพาะในกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น ถือเป็นมารยาทผู้ดีอันจำเป็นต้องนำน้ำชามาเลี้ยงผู้มาเยี่ยม กล่าวคือ ในสมัยนั้นนิยมชงชาเพื่อรับแขก และเป็นการดื่มชาแบบชาจีนไม่ใส่น้ำตาล

 

      เมื่อหลายพันปีมาแล้วคนจีนได้เริ่มดื่มชา โดยมีที่มาจาก จักรพรรดิเสิน-หนง (Emperor Shen Nung) ขณะทรงต้มน้ำร้อนได้มีใบชาปลิวตกลงในหม้อน้ำเดือด ทรงชิมดูแล้วพบว่ามีรสชาติดีและมีกลิ่นหอม จากนั้นมาชาจึงเป็นที่รู้จักและนิยมดื่มกันทั่วไป โดย ชา มาจาก พืชตระกูลคาเมเลีย ไซเนนซิส (Camellia sinensis) มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนและประเทศอินเดีย ลักษณะต้นเป็นพุ่ม ใบเขียว ส่วนของต้นชาที่นำมาเป็นเครื่องดื่มจะอยู่ส่วนบนสุด   ของต้น ซึ่งเป็น ใบอ่อน เป็นส่วนที่มีคุณภาพดีที่สุด นั่นเอง

 

     มาต่อกันที่ประเภทของ ชา กันดีกว่า

      ชาเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ได้จากใบ ยอดอ่อน และก้านของต้นชา นำมาผ่านกรรมวิธีแปรรูปที่หลากหลายจึงมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามลักษณะการแปรรูป โดยชาแบ่งประเภทตามกระบวนการแปรรูปได้ 6 ประเภท ซึ่งชาทุกชนิดสามารถทำมาจากต้นชาต้นเดียวกัน แต่ผ่านกรรมวิธีแตกต่างกันออกไป ดังนี้

 

     • ชาขาว ผลิตจากยอดตูมและยอดอ่อนของต้นชา กรรมวิธีผลิตชาขาวเริ่มจากการเลือกเก็บยอดอ่อนของชาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นนำยอดชาที่เก็บมาทำแห้งในระยะเวลาที่รวดเร็ว ด้วยวิธีธรรมชาติโดยอาศัย ลม แสงแดด หรือความร้อน เมื่อชงชาแล้วจะได้เครื่องดื่มที่มีสีเหลืองอ่อน

 

      • ชาเหลือง มีเฉพาะเมืองจีน จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมโดยทั่วไป โดยเก็บใบชาแล้วนำมาม้วนเพื่อเก็บน้ำมันใบชาไว้ จะทำให้มีรสชาติเพิ่มขึ้นและสีเปลี่ยน พอม้วนเสร็จแล้วนำไปทำให้แห้ง เมื่อแห้งแล้วจะได้ชาเหลือง สีใกล้เคียงกับชาเขียว แต่จะออกสีเหลืองกว่าเล็กน้อย โดยชาเหลืองเหมาะสำหรับการดื่มคู่อาหารจีนทุกชนิด

 

 

     • ชาเขียว คงจะรู้กจักกันทุกคนล่ะ ผลิตจากใบชาที่ไม่ได้ถูกทิ้งให้สลด ไม่ได้บ่ม และไม่ผ่านการหมัก เมื่อชงแล้วจะได้น้ำชาเป็นสีเขียวหรือเหลืองอมเขียว ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีคุณสมบัติในการต้านทานโรคได้นานาชนิดจึงเป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่ ซึ่งในประเทศไทยจะมีการแต่งกลิ่นเพื่อให้เกิดความน่ารับประทานมากขึ้น

 

     • ชาแดง เป็นใบของชาเขียวที่ผ่านกระบวนการออกซิเดชันหรือการหมักบ่มมาแล้ว โดยที่ใบชาและน้ำชาที่ได้มานั้นเป็นสีแดง สีแดงเข้ม เมื่อชงจะได้เครื่องดื่มสีน้ำตาลแดง

 

     • ชาอู่หลง เป็นใบชาที่ทิ้งให้สลด นวด และบ่มเล็กน้อย เรียกได้ว่าเป็นชาประเภทกึ่งหมักหรือชาที่ผ่านการหมักเพียงบางส่วน ทำให้มีสี กลิ่นหอม และรสชาติ อยู่ระหว่างชาเขียวและชาดำ

 

     • ชาดำ เป็นใบชาที่ทิ้งให้สลด (อาจมีการนวดอย่างแรง) และเป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักอย่างสมบูรณ์ เป็นชาที่นิยมมากที่สุดในยุโรป เพราะชาดำเหมาะสำหรับรสชาติทั่วไป และแทนที่ชาเขียวเกือบสมบูรณ์ การผลิตชาดำผ่านขั้นตอนการแปรรูปมากที่สุด ผลิตผลที่ได้ คือ ใบชา สีน้ำตาลดำ

 

     สำหรับการปลูกชาในประเทศไทย แหล่งกำเนิดเดิมจะอยู่ตามภูเขาทางภาคเหนือของประเทศ โดยกระจายอยู่ในหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน และลำปาง โดยพันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่ พันธุ์ชาอัสสัม และพันธุ์ชาจีน ร้อยละ 87 และ 13 ตามลำดับ

 

     การปลูกชาสามารถปลูกได้ตลอดปีโดยเฉพาะต้นฤดูฝน และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งปี ในปี 2564 ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ส่งออกสินค้าชาสำเร็จรูป อันดับที่ 1 ของอาเซียน และอันดับที่ 8 ของโลกอีกด้วย  

     การส่งออกผลผลิตชาสู่ตลาดต่างประเทศค่อนข้างน้อย เนื่องจากเรานำมาใช้ในประเทศร้อยละ 85 และส่งออกร้อยละ 15 ซึ่งเกิดจากต้นทุนการผลิตและราคาของไทยยังสูงกว่าประเทศในเอเชีย ทำให้ความสามารถในการแข่งขันค่อนข้างต่ำมาก

     ว่าแล้วก็ออกไปหาชากินดีกว่า สำหรับหลายๆคน วันละแก้วอาจจะไม่พอกันแล้วนะ

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Phromtima's profile


โพสท์โดย: Phromtima
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลกAPC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่งอาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลขเด่นงวดต้นปี: เจาะลึกคำชะโนดและสำนักดัง 2/1/69วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวสอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกรายเจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)เลขเด็ด "มนต์สิทธิ์" งวดวันที่ 2 มกราคม 69 มาแล้ว! ..ส่องเลย เลขไหนที่ชอบ!ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ท้องเสียควรกินอะไร และควรงดอะไร เพื่อให้อาการดีขึ้นเร็วสารแขวนลอย คืออะไร? อธิบายแบบเข้าใจง่ายใน 2 นาทีปรับลุคแบรนด์ให้ดูคลีนต้นราชสกุลยุคล
ตั้งกระทู้ใหม่