ไวรัสฝีดาษ (Smallpox Virus)
ไวรัสฝีดาษ (Smallpox Virus)
เป็นหนึ่งในไวรัสที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ จัดอยู่ในกลุ่มอาวุธชีวภาพที่อันตรายมากที่สุด เนื่องจากมีความสามารถในการแพร่กระจายสูง อัตราการเสียชีวิตสูง และไม่มียารักษาโดยตรง
ข้อมูลพื้นฐานของไวรัสฝีดาษ
-
ชื่อไวรัส: Variola virus
-
ประเภท: ไวรัสในตระกูล Poxviridae
-
การแพร่กระจาย: ผ่านการสัมผัสโดยตรง ละอองจากการไอจาม หรือการสัมผัสวัตถุปนเปื้อน
-
ระยะฟักตัว: 7–17 วัน
-
อัตราการเสียชีวิต: ประมาณ 30% ของผู้ติดเชื้อ (ในรูปแบบรุนแรง)
อาการของโรคฝีดาษ
-
มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย
-
ปวดหัวรุนแรง อ่อนแรง
-
ผื่นนูนขึ้นทั่วร่างกาย โดยเฉพาะที่ใบหน้า แขน ขา
-
ผื่นกลายเป็นตุ่มน้ำ → หนอง → แผลเป็นถาวร
-
ผู้รอดชีวิตจำนวนมากมักมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า หรืออาจตาบอด
การกำจัดไวรัสฝีดาษ
-
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่า โรคฝีดาษถูกกำจัดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1980
-
เป็นผลสำเร็จจากการรณรงค์ฉีดวัคซีนทั่วโลกอย่างเข้มข้น
-
ปัจจุบันไม่มีการระบาดในธรรมชาติอีกต่อไป
💣 ไวรัสฝีดาษในฐานะอาวุธชีวภาพ
แม้จะถูกกำจัดจากธรรมชาติ แต่ไวรัสฝีดาษยังคงถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการความปลอดภัยสูงในบางประเทศ เช่น:
-
สหรัฐอเมริกา (CDC)
-
รัสเซีย (VECTOR Institute)
นักวิชาการและหน่วยความมั่นคงทั่วโลกกังวลว่า ไวรัสนี้อาจถูกใช้เป็น อาวุธชีวภาพ เนื่องจาก:
-
ประชากรส่วนใหญ่ของโลกปัจจุบัน ไม่มีภูมิคุ้มกัน (ไม่ได้รับวัคซีนแล้ว)
-
มีศักยภาพในการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
-
อาจมีการ “ดัดแปลงพันธุกรรม” เพื่อเพิ่มความรุนแรง
🔬 ความพยายามในการเตรียมความพร้อม
-
มีการเก็บสำรองวัคซีนฝีดาษไว้ในหลายประเทศ เผื่อกรณีฉุกเฉิน
-
วิจัยวัคซีนใหม่ที่ปลอดภัยกว่า (เช่นวัคซีน MVA-BN)
-
เตรียมแผนรับมือการระบาดในกรณีที่มีการปล่อยเชื้อโดยเจตนา
ไวรัสฝีดาษเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่เคยสร้างความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังคงเป็น ภัยคุกคามด้านความมั่นคงทางชีวภาพ แม้จะไม่มีการระบาดอีกต่อไปก็ตาม
แม้ปัจจุบันไวรัสฝีดาษจะถูก "ควบคุม" ได้แล้ว แต่ด้วยศักยภาพในการใช้เป็นอาวุธ และการสูญเสียภูมิคุ้มกันของประชากรทั่วโลก ทำให้มันยังคงเป็นสิ่งที่ “ร้ายแรงและอันตราย” ในสายตาของนักวิทยาศาสตร์และรัฐบาลทั่วโลก




















