แม้เบียร์จะถูกมองว่าเป็น “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ที่ควรดื่มอย่างระมัดระวัง แต่ในปริมาณที่เหมาะสม เบียร์ก็มี ข้อดีต่อสุขภาพ หลายด้าน เนื่องจากมีส่วนประกอบจากธรรมชาติ เช่น ข้าวมอลต์ ฮ็อพส์ และยีสต์ ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ
แม้เบียร์จะถูกมองว่าเป็น “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ที่ควรดื่มอย่างระมัดระวัง แต่ในปริมาณที่เหมาะสม เบียร์ก็มี ข้อดีต่อสุขภาพ หลายด้าน เนื่องจากมีส่วนประกอบจากธรรมชาติ เช่น ข้าวมอลต์ ฮ็อพส์ และยีสต์ ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ
ต่อไปนี้คือข้อดีของการดื่มเบียร์ “ในปริมาณพอเหมาะ”
งานวิจัยบางชิ้นพบว่า เบียร์อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
สารโพลีฟีนอลในเบียร์มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและอักเสบ
การดื่มวันละ 1 แก้ว (ประมาณ 330 มล.) สำหรับผู้หญิง และ 1–2 แก้ว สำหรับผู้ชาย อาจช่วยเพิ่มระดับ HDL (ไขมันดี)
เบียร์มีวิตามิน B หลายชนิด เช่น B1, B2, B6, B9 (โฟเลต)
มีแมกนีเซียม, โพแทสเซียม และซีลีเนียม
ช่วยเรื่องระบบประสาท ระบบเลือด และการเผาผลาญพลังงาน
เบียร์มีเส้นใย (fiber) จากข้าวบาร์เลย์ ซึ่งช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น
กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้รู้สึก “กินอาหารอร่อยขึ้น”
อาจช่วยลดอาการท้องผูกเล็กน้อยในบางราย
เบียร์ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดทางจิตใจ
ทำให้นอนหลับง่ายขึ้น (แต่หากดื่มมากจะรบกวนการนอน)
บางคนใช้เบียร์เป็น “สื่อกลางทางสังคม” ช่วยให้กล้าแสดงออกหรือเข้าสังคมง่ายขึ้น
งานวิจัยบางฉบับพบว่า คนที่ดื่มเบียร์ในปริมาณพอเหมาะ อาจมีความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเลย
เบียร์มีปริมาณน้ำมาก จึงช่วยให้ปัสสาวะบ่อยและลดการสะสมของเกลือแร่
เบียร์โดยเฉพาะแบบไม่กรอง (unfiltered beer) มี “ซิลิคอน” (silicon) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูก
แต่ควรดื่มอย่างระวัง เพราะหากมากเกินไปจะกระทบตับและแคลเซียม
แม้เบียร์จะมีข้อดี แต่หากดื่มเกินขนาดจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ เช่น:
ทำลายตับและไต
เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน ไขมันพอกตับ
บั่นทอนการตัดสินใจ และเสี่ยงอุบัติเหตุ
ส่งผลต่อฮอร์โมนและคุณภาพการนอนหลับ
*** ถ้าดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ ก็สามารถเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราได้