รีวิวหนังสือ LEARNING HOW TO LEARN เรียนแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็เก่งไปนานแล้ว

 

เคยสงสัยมั้ยว่าการเรียนไม่เก่งของเราเกิดจากอะไร ? ครีเอเตอร์คิดว่าเป็นเพราะครูสอนไม่ดี ตั้งใจเรียนแล้วก็ทำความเข้าใจได้ยาก แต่มันก็มีคนอื่นที่เขาเข้าใจและเรียนดีได้ แสดงว่าพวกเขาตรัสรู้ได้ถึงวิธีการเรียนที่ถูกต้อง วิธีที่เหมาะในแบบของเขาเอง

 

Dr.Barbara Oakley และ Dr.Terrence Sejnowski จะมาให้คำแนะนำในแนวทางการเรียน ซึ่งเราอาจจะเคยหรือไม่เคยรู้มาก่อนถึงแนวคิดการเรียนให้เข้าใจ แต่เชื่อว่าน่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะไม่ใช่ครูทุกคนที่ใส่ใจกับการเรียนของผู้เรียนหลักร้อย หลักพันคนได้ทั่วถึง

 

ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์

1.เมื่อคุณคิดเรื่องที่ไม่ชอบ ศูนย์ความเจ็บปวดในสมองจะถูกกระตุ้น เราจึงเกิดอาการอยากผัดวันประกันพรุ่ง แต่พอคุณเริ่มทำสิ่งที่ไม่อยากทำสัก 20 นาที ความเจ็บปวดเหล่านั้นจะหายไป ดังนั้น เคล็ดลับของการเป็นผู้เรียนที่ดี คือ ทำเลยอย่ามัวแต่รีรอไว้ทำทีหลัง

 

2.สมองเราทำงาน 2 โหมด คือ โหมดจดจ่อ กับ โหมดผ่อนคลาย เราต้องสลับสองโหมดนี้เพื่อการเรียนรู้ที่ดี มีประสิทธิภาพ ช่วยให้เราเก่งทุกเรื่อง

 

3.ในช่วงทศวรรษ 1950 ฟรานเชสโก ซิริลโล ค้นพบวิธีช่วยคนที่มีนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่ง เทคนิคนี้ เรียกว่า “โพโมโนโร คือ การทํางานใช้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ใน 15 นาทีแล้ว เมื่อตัวจับเวลาดังขึ้น ให้หยุดพัก ปรับสมองและเข้าสู่โหมด ผ่อนคลายทันที

 

4.“วิธีจับเวลาแบบโพโมโนโร

1. ปิดสิ่งรบกวนทั้งหมด

หาสถานที่ที่สงบที่สามารถทำงานได้ โดยไม่มีสิ่งรบกวน อาจใช้หูฟังตัดเสียงรบกวน หรือที่อุดหู ช่วยด้วยก็ได้

2. ตั้งเวลา 2.5 นาที ถ้าคุณมีอายุ 10-12 ปี ให้เริ่มต้นที่ 10-15 นาทีพอ

3.เริ่มเรียน หรือทำงาน (ตั้งใจให้เต็มที่ 25 นาที ไม่นานเลย)

4. เราควรให้รางวัลตัวเองเมื่อครบ 25 นาที อาจเป็นการดูคลิปสั้นๆ ฟังเพลงโปรด เล่นกับน้องแมว หรือ แชตกับเพื่อนสัก 5-10 นาที เมื่อคุณตั้งตารอคอยที่จะได้รับรางวัล สมองของคุณ จะช่วยให้คุณตั้งใจได้ดีขึ้น

 

5.ถ้าคุณผัดวันประกันพรุ่งทีละเล็กละน้อย คุณอาจไม่รู้สึกอะไร เพราะคิดว่าใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่ถ้า ทำจนเคยชิน คุณจะเรียนรู้อะไรไรได้ยากขึ้น เพราะจะข่มใจเรียนได้ยากขึ้น จะเครียด พลาดการส่งงาน และไม่ได้เรียนรู้อย่างถูกต้อง สุดท้ายเราจะตามเพื่อนไม่ทัน และกลายเป็นนักเรียนที่ด้อยประสิทธิภาพ

 

6.ในระหว่างที่นอนหลับ ข้อมูลที่คุณได้เรียนรู้จะถูกถ่ายโอนจากฮิปโปแคมปัสไปยังเปลือกสมอง (เปลือกสมอง คือ บ้านของความจำระยะยาว) ดังนั้น นอกจากการนอนหลับจะช่วยสร้างการเชื่อมต่อประสาทใหม่แล้ว ยังช่วยล้างฮิปโปแคมปัสเพื่อที่ให้มีที่ว่างสำหรับการเรียนรู้ใหม่ด้วย

 

7.การออกกำลังกายช่วยให้สมองผลิตสารเคมีอื่นๆ เช่น เซโรโทนิน และโดพามีน สารเหล่านี้จะช่วยให้คุณเกิดความคิดใหม่ๆ โดยช่วยให้คุณนำความรู้เก่ามาเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างความรู้ใหม่ คุณจึงคิดใหม่ทำใหม่

 

ถ้าคุณออกกำลังกาย พร้อมกับกินอาหารที่มีประโยชน์ จะมีผลต่อการเรียนและความจำมากกว่าการเลือกทำเพียงอย่างเดียว

 

8.เราจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อใช้ประสาทสัมผัสหลายอย่าง เช่น การได้ยิน การมองเห็น และที่น่าจะดีที่สุด คือ ความรู้สึกจากการสัมผัสด้วยมือ ในส่วนลึกของสมอง เมื่อสมองต้องการจดจำความเป็นไปในโลก มันจำเป็นต้องใช้ประสาทสัมผัสให้หลากหลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

9.เมื่อคุณทำการบ้าน ลองเอามือถือวางไว้ที่อื่นหรือห้องอื่น จนกว่าคุณจะเสร็จการทำในโมโดโรเพราะคุณจะอยากแอบเปิดดูมือถือ ก็ต้องมาเริ่มใหม่อีก และนั่นยิ่งทำให้การกลับมาตั้งใจเรียนยากขึ้น

 

10.การงีบหลับก็ช่วยได้ คล้ายการนอนหลับ ตอนกลางคืนตามปกติ การงีบหลับช่วยให้ข้อมูลที่เก็บไว้ในฮิปโปแคมปัสย้ายไปเก็บเป็นความจำระยะยาว ที่อื่นๆ ในสมอง ซึ่งช่วยให้ฮิปโปแคมปัส ว่างลง และสามารถเก็บข้อมูลใหม่ ที่คุณต้องการเก็บได้ง่ายขึ้น แต่อย่าสำคัญผิดว่า การงีบหลับเป็นช่วงๆ ในระหว่างวันจะช่วยชดเชย การนอนหลับสนิทในช่วงกลางคืนได้ นั่นไม่ใช่เลย

 

 

11.การนอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลกระทบในระยะยาว เพราะเมื่อเรานอนไม่พอ ร่างกายจะสร้างสารพิษจนทำให้เราป่วยเป็นมะเร็งและมีปัญหาทางจิตได้ทุกประเภท และยังทำให้ร่างกายหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท และเส้นประสาทใหม่ สุดท้ายคุณจะเรียนรู้อะไรได้ยากขึ้น

 

12.จงให้ความสำคัญกับการนอนหลับ อย่าอ่านหนังสือจนดึกในคืนก่อนสอบ เพราะจะทำให้ทำข้อสอบได้ไม่ดีให้ทำ แค่โมโมโดโร 1 รอบ และให้สมองได้มักจะดีกว่า

 

13.การจดบันทึกด้วยมือ จะช่วยให้คุณสร้างข้อต่อสมองจากเนื้อหาสำคัญได้ง่ายขึ้นการจดบันทึกด้วยมือดีกว่า เพราะสมองจะคิดบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่มือกำลังเรียน เพื่อช่วยสร้างชุดข้อต่อสมองและถ้าคุณได้ทบทวนก่อนนอนด้วยก็จะยิ่งทำให้คุณจดจำได้ดีขึ้น

 

14.เทคนิคการเริ่มทำข้อที่ยาก ก่อนเป็นเทคนิคที่ดีทั้งสำหรับการสอบและการทำการบ้าน เพราะจะช่วยให้สมองของคุณทำงานทั้ง 2 โหมดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ต้องระวังอย่าใช้เวลาในการทำข้อที่ยากนานเกินไป เพราะจะทำให้เหลือเวลาไม่พอที่จะทำข้ออื่น ควรใช้เวลา ถ้าเราเขียนไม่เกิน 1-2 นาที หากทำไม่ได้ ควรเปลี่ยนข้อไปก่อนหรือเปล่า?

 

15.ให้คุณอ่านภาพรวมก่อนเริ่มอ่านบทใหม่ (ถ้าจำไม่ได้ ให้ย้อนไปอ่านบทแรก) จากนั้นค่อยเริ่มอ่าน อย่ารีบร้อน ตรงไหนอ่านแล้วไม่เข้าใจให้กลับไปอ่านใหม่จดสิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญ ตามขอบสมุด หรือ จดใส่อะไรก็ได้จะขีดเส้นใต้ก็ได้ แต่อย่ายึดทุกคำ

 

16.ให้ลองมองไปที่หน้าอื่นที่ไม่ใช่หน้าที่กำลังอ่านแล้วลองทบทวนว่าจำอะไรได้บ้าง สาระสำคัญของหน้าที่อ่านคืออะไร อย่าเอาแต่อ่านซ้ำไปซ้ำมา และอย่าขีดเส้นใต้หรือเน้นข้อความ จนเต็มหน้าไปหมด

 

17.ถ้าคุณใช้วิธีทบทวนทันทีในการเรียน คุณจะสอบได้คะแนนดีขึ้น เพราะมันไม่ใช่แต่ช่วยให้คุณได้ แต่ยังทำให้คุณเข้าใจเนื้อหามากขึ้นอีกด้วย

 

18.ครูของคุณแค่ให้ข้อมูลและแนวคิดบางอย่าง แต่คุณต้องนำข้อมูล และแนวคิดเหล่านั้น มาสานต่อและสร้างเรื่องราวที่มีความหมายสำหรับคุณ เพื่อช่วยให้คุณจดจำสิ่งเหล่านั้น คุณจะพบว่ามันน่าเบื่อกว่าอีกถ้าครูคิดแทนคุณทั้งหมดและไม่เปิดพื้นที่ให้คุณคิดเองเลยหรือเปล่า

 

19.ขั้นตอนสำคัญในการอ่านให้ได้เรื่องราว อ่านภาพรวม / อ่านอย่างระวัง / ทบทวนทันที

 

20.เคล็ดลับการจำ 5 ข้อ ของเนลสัน เดลลิส : จดจ่อกับสิ่งที่คุณพยายามจำ / ฝึกจำ / เปลี่ยนสิ่งที่พยายามจำเป็นรูปภาพ / เก็บเป็นรูปภาพ โดยเชื่อมโยงกับสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว / ใช้การทบทวนทันที เพื่อช่วยย้ำให้จำ

 

 

21.ระหว่างคุณหลับ สมองจะทบทวนสิ่งที่เรียนรู้ในระหว่างวัน ยิ่งเรียนให้มาก ฝึกทบทวนให้เยอะ และนอนหลับให้เพียงพอจะยิ่งทำให้เกิดการเชื่อมโยงประสาทใหม่ๆ มากขึ้น ข้อต่อสมองของคุณก็จะหนาและแข็งแรงขึ้น "ถ้าคุณนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ สมองจะไม่มีเวลาทำความสะอาดสารพิษทั้งหมด คุณจะเริ่มต้นวันแบบเบลอๆ หัวตื้อคิดอะไรไม่ออก และเซลล์ประสาทของคุณก็จะสร้างเส้นประสาทใหม่ไม่สำเร็จ"

 

22.วิธีที่ดีในการเตรียมตัวสำหรับการสอบ คือลองคิดแบบครู ตั้งคำถามที่คุณคิดว่า ครูน่าจะถามจะทำให้คุณทำข้อสอบได้มากขึ้น

 

23.บางคนพยายามท่องศัพท์ทั้งหมดก่อนการสอบ ไม่ว่าจะใช้เวลาสักกี่ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ได้นอนหลับพักผ่อน สมองก็จะไม่สร้างเส้นประสาทขึ้นมาใหม่ เป็นผลทำให้เขาจะศัพท์ที่ท่องไว้เมื่อคืนไม่ได้

 

24.อย่าแออัดยัดความรู้จนเกินไปให้นักเรียนสัก 2-3 วัน เพื่อจะได้มีเวลานอนหลับพักผ่อนให้มากขึ้นและมีเวลาให้เส้นประสาทเจริญเติบโตให้ความรู้ที่ได้ซึมเข้าสมอง

 

25.ถ้าเราแปลงข้อมูลที่อยากจำให้เป็นภาพได้ เราจะจำง่ายขึ้น ยิ่งถ้าเป็นภาพประหลาดๆหรือภาพเคลื่อนไหวจะจำง่ายขึ้น

 

26.จงหลีกเลี่ยงการสลับงานไปมา และการถูกขัดจังหวะในเวลาที่คุณกำลังตั้งใจเรียนหรือทำงาน เช่น ถ้าคุณเปิดทีวีไปด้วย ทำงานไปด้วย เสียงทีวีจะแบ่งความสนใจของคุณไปและทำให้ความจำที่กำลังใช้งานได้ไม่ดีนัก

 

27.สิ่งที่คุณควรทำตอนเริ่มสอบ" คือกวาดตาดู ข้อสอบให้ทั่ว ทำเครื่องหมายข้อที่คิดว่ายาก แล้วเลือกทำข้อใดข้อหนึ่ง ใช้เวลาทำสัก 1-2 นาทีจนคุณรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ให้ถึงข้อนั้นไป แล้วไปทำข้อที่ง่ายเพื่อสร้างความมั่นใจ และทำข้อต่อๆไปอีก แล้วค่อยกลับไปทำข้อที่ยาก ตอนนี้คุณอาจจะทำได้แล้ว

 

28.เมื่อคุณรู้สึกประหม่า คุณมักจะหายใจไม่ลึก จึงได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ คุณจึงเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกทั้งที่เกี่ยวข้องกับการสอบ คุณควรฝึก หายใจให้ลึก และยาวเพื่อช่วยอาการประหม่าก่อนสอบ

 

29.การออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความเข้าใจ การตัดสินใจ สมาธิ และการจำ นอกจากนี้ยังช่วยให้คนหายจากอาการทางจิตได้ด้วย

 

30.ทุกคนแตกต่างกัน เราต้องสังเกตการเรียนรู้ของตัวเอง เพราะคุณรู้ดีที่สุดว่าอะไรได้ผลดีสำหรับคุณ ลองสังเกตถึงสิ่งที่ได้ผลและไม่ได้ผล อย่าไปคิดว่าตัวเองถนัดเรียนแค่แบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น

 

แม้ว่าการเรียนการศึกษาจะทำเหมือนกับให้เราปีนต้นไม้อย่างเดียว ทั้งที่เราถนัดว่ายน้ำเก่งมากกว่า แต่เรารอการปฏิวัติการศึกษาไม่ได้ เราต้องเอาตัวรอดทางการเรียนและปรับตัวให้เข้ากับสังคมตามที่มันเป็นไป