อินเดียทดลอง Universal Basic Income (UBI) พบผลลัพธ์เกินคาดการณ์ ประเทศไทยควรนำมาศึกษาและทดลองหรือไม่

 

ในช่วงปี พ.ศ. 2554–2555 ประเทศอินเดียได้ดำเนินการทดลองโครงการ Universal Basic Income (UBI) หรือ "รายได้ขั้นพื้นฐานแบบไม่มีเงื่อนไข" ในพื้นที่รัฐมัธยประเทศ โดยมุ่งเน้นการแจกจ่ายเงินสดให้แก่ประชาชนใน 9 หมู่บ้าน เป้าหมายของการทดลองครั้งนี้ คือ การศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน หากได้รับรายได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องมีข้อกำหนดหรือข้อผูกพันใด ๆ

 

รายละเอียดของการทดลอง

 

ผู้ใหญ่แต่ละคนได้รับเงิน 200–300 รูปีต่อเดือน

 

เด็กแต่ละคนได้รับเงิน 100–150 รูปีต่อเดือน

 

การแจกเงินดำเนินต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเต็ม

 

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลอง

 

ผลการศึกษาที่ได้สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก กล่าวคือ แทนที่ประชาชนจะเกิดพฤติกรรมขี้เกียจหรือลดการทำงานลงตามความกังวลเดิม กลับพบว่า

 

ผู้ได้รับเงินทำงานหนักขึ้น และนำรายได้บางส่วนไปลงทุนในอาชีพของตนเอง เช่น การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ หรือกิจการขนาดเล็ก

 

อัตราการไปโรงเรียนของเด็ก ๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

สุขภาพและโภชนาการของประชาชนดีขึ้น เนื่องจากมีเงินเพียงพอในการซื้ออาหารที่มีคุณภาพมากขึ้น

 

ไม่พบพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งฟุ่มเฟือยหรือการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตามที่หลายฝ่ายกังวล

 

เกิดความรู้สึก "มีศักดิ์ศรี" มากขึ้นในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพราะพวกเขาสามารถตัดสินใจใช้จ่ายได้ด้วยตนเอง

 

แล้วประเทศไทยควรนำมาทดลองหรือไม่

 

ในบริบทของประเทศไทย ซึ่งกำลังเผชิญกับความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในระดับสูง และมีประชากรบางกลุ่มที่เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างจำกัด การนำแนวคิด Universal Basic Income มาทดลองใช้อาจเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับฐานราก

 

ข้อดีที่อาจเกิดขึ้นจากการทดลองในไทย เช่น

 

ลดช่องว่างระหว่างกลุ่มประชากรในเขตเมืองกับชนบท

 

เพิ่มโอกาสทางการศึกษาและสุขภาพให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล

 

เสริมสร้างความมั่นคงในชีวิตให้แก่แรงงานนอกระบบ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยในสังคมไทย

 

ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในธุรกิจขนาดเล็กในระดับท้องถิ่น

 

อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการลักษณะนี้ย่อมต้องมีการออกแบบที่รอบคอบ เช่น การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลาในการทดลอง พื้นที่นำร่อง ตลอดจนการประเมินผลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถสรุปบทเรียนและขยายผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อหลีกเลี่ยงภาระงบประมาณที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในระยะยาว

 

สรุป

 

การทดลอง Universal Basic Income ในอินเดียได้แสดงให้เห็นว่า "การให้" ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ "ความขี้เกียจ" ดังที่เคยเชื่อกัน ในทางตรงกันข้าม อาจช่วยเสริมสร้างศักยภาพของมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง หากประเทศไทยสามารถออกแบบการทดลองได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย การริเริ่มเช่นนี้อาจกลายเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต