มีด้วยหรือฝนดาวตกคนคู่
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินหรือเคยเห็นดาวตก หรือฝนตกมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ฝนดาวตกที่ทุกคนเคยรู้จักกัน มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป จากการสืบค้นข้อมูลผู้เขียนได้ไปสะดุดกับชื่อฝนดาวตกชื่อนึง เลยขอแบ่งปันความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับฝนดาวตกที่ว่านี้ให้กับชาว Postjung ได้อ่านกัน นั่นคือ ฝนดาวตกคนคู่
จากชื่อฝนดาวตกคนคู่ เมื่อได้ยินชื่อฝนดาวตกนี้แล้ว ฟังดูคุ้น ๆ คล้ายชื่อของกลุ่มดาวที่อยู่ในจักราศรี นั่นคือ กลุ่มดาวคนคู่ ซึ่งกลุ่มดาวคนคู่ มีอีกชื่อว่า กลุ่มดาวเมถุน เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี ซึ่งอยู่ระหว่างกลุ่มดาววัวทางทิศตะวันตก กับกลุ่มดาวปูทางทิศตะวันออก ทางทิศเหนือ คือ กลุ่มดาวสารถีและกลุ่มดาวแมวป่า ทางทิศใต้ คือ กลุ่มดาวยูนิคอร์นและกลุ่มดาวหมาเล็ก ซึ่งคำว่าจักราศรีนี้ หมายถึงอาณาเขตที่ดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งการโคจรของดาวเคราะห์แต่ละดวงในสุริยจักรวาลเป็นไปตามลำดับของธรรมชาติ ดาวเคราะห์เหล่านั้น ได้แก่ โลก (พิภพ) ดวงจันทร์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดวงอาทิตย์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวราหู (เกตุ) ดาวเสาร์ ดาวมฤตยู ดาวเนปจูน และดาวพลูโต โดยดาวเคราะห์แต่ละดวงจะเคลื่อนที่โดยการโคจรไปตามจักรราศีรอบดวงอาทิตย์ และในจักรราศีรอบดวงอาทิตย์นั้นแบ่งออกเป็น ๑๒ ส่วน เรียกว่า ๑๒ ราศี และใน ๑ ราศีแบ่งออกเป็น ๓๐ ส่วน หรือ ๓๐ องศา รวม ๑๒ ราศี จึงเป็น ๓๖๐ องศา โดยที่แต่ละราศีมีชื่อเรียกและสัญลักษณ์ตามลำดับ คือ ราศีเมษ ราศีพฤษภ ราศีเมถุน ราศีกรกฎ ราศีสิงห์ ราศีกันย์ ราศีตุล ราศีพฤศจิก ราศีธนู ราศีมกร ราศีกุมภ์ และราศีมีน โดย ฝนดาวตกคนคู่ เป็นฝนดาวตกที่มีชื่อมาจากกลุ่มดาวราศรีเมถุน มีอัตราการตกค่อนข้างสูงและเกิดขึ้นในช่วงท้องฟ้าปลอดโปร่งจะตกเยอะสุดในช่วงวันที่ 14 - 15 เดือนธันวาคมของทุกปี
การเกิดฝนดาวตกนั้น มีอิทธิพลโดยตรงมาจากการที่โลกโคจรและเคลื่อนผ่านจักราศรีตัดผ่านธารสะเก็ดดาว โดยแต่ละคราวที่ดาวหางเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ จะมีเศษชิ้นส่วนขนาดเล็กของดาวหางถูกสลัดทิ้งไว้ตามทางโคจร เรียกว่า "ธารสะเก็ดดาว" หากวงโคจรของโลกและของดาวหางซ้อนทับกัน โลกจะเคลื่อนที่ผ่านธารสะเก็ดดาวในช่วงวันเดียวกันของแต่ละปี ทำให้เกิดฝนดาวตก โดยจากกรที่นักดาราศาสตร์หลาย ๆ ท่าน ได้ทำการศึกษาเส้นทางการเคลื่อนที่ของธารสะเก็ดดาวทำให้ทราบถึงดาวหางต้นกำเนิดของฝนดาวตกแต่ละกลุ่ม เช่น ฝนดาวตกนายพรานเกิดจากดาวหางแฮลลีย์ ฝนดาวตกสิงโตเกิดจากดาวหางเทมเพล-ทัตเทิล แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เมื่อนักดาราศาสตร์ ศึกษาถึงต้นกำเนิดของฝนดาวตกคนคู่ กลับไม่พบดาวหางต้นกำเนิด แต่กลับพบว่าดาวเคราะห์น้อยดวงที่มีชื่อว่า ดาวเคราะห์น้อยเฟทอน มีวงโคจรที่ตรงกับธารสะเก็ดดาวของฝนดาวตกคนคู่พอดี จึงสันนิษฐานว่า ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้เป็นต้นกำเนิดของฝนดาวตกคนคู่แต่ก็ยังไม่หายข้อสงสัยกันนะคะ เนื่องจากดาวเคราะห์เฟทอน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นดาวเคราะห์น้อย ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 กิโลเมตร นั้น ไม่ใช่วัตถุน้ำแข็งแบบดาวหางดวงอื่น ๆ แต่เจ้าดาวเคราะห์น้อยเฟทอนก็ดันมีหางกับเค้าด้วยนะคะ โดยหางของเจ้าเฟทอนจะประกอบไปด้วยฝุ่นเป็นหลัก ทำให้บางคนเรียกเฟทอนว่าเป็นดาวหางฝุ่น ตามทฤษฎีดาวหางฝุ่น ธารสะเก็ดดาวของเฟทอนเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ละรอบที่เฟทอนโคจรผ่านก็จะเป็นการเพิ่มความหนาแน่นของฝุ่นให้กับในธารสะเก็ดดาว ซึ่งแม้จะสร้างธารสะเก็ดดาวได้ แต่ก็ไม่น่าจะสร้างสะเก็ดดาวได้มากจนทำให้ฝนดาวตกคนคู่มีอัตราตกสูงในระดับที่เป็นอยู่นี้ได้ จากการส่งยานอาวกาศขององค์การนาซาขึ้นไปสำรวจเส้นทางโคจรของยานตัดผ่านธารสะเก็ดดาวจากเฟทอน เมื่อฝุ่นปะทะเข้ากับยานด้วยความเร็วสูงจะทำให้เกิดสัญญาณไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กที่อุปกรณ์บนยานตรวจวัดได้ จึงได้ทำการวัดขนาดและองค์ประกอบของอนุภาคฝุ่น รวมถึงทิศทางและความเร็วในวงโคจร และนำมาเปรียบเทียบกับแบบจำลอง หลายแบบขึ้นเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบ มีทั้งแบบที่เป็นอนุภาคที่นำมาวางในวงโคจรตรง ๆ แบบจำลองที่สร้างขึ้นตามทฤษฎีดาวหาง ซึ่งเฟทอนจะเติมฝุ่นลงในเส้นทางทุกครั้งที่โคจรผ่านมา และอีกแบบจำลองหนึ่งสร้างขึ้นตามสถานการณ์ที่ฝุ่นเกิดขึ้นมาจากการปะทุครั้งใหญ่ในอดีตมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่ได้จากแบบจำลองกับผลการสำรวจแล้ว พบว่าแบบจำลองแบบปะทุให้ผลใกล้เคียงกับการสำรวจมากที่สุด นั่นหมายความว่าดาวหางฝุ่นไม่น่าจะถูกต้อง ต้นกำเนิดของฝนดาวตกคนคู่ไม่ได้เกิดอย่างช้า ๆ แต่อาจเกิดจากเหตุการณ์รุนแรงบางอย่างในอดีต ซึ่งอาจเกิดจากมีดาวเคราะห์น้อยดวงเล็กกว่ามาพุ่งชน หรืออาจเป็นการปะทุบางอย่างของเจ้าเฟทอนเองก็ได้









