ทำไมเวลาฝนตก ร่างกายจึงมีโอกาสเป็นหวัดได้ง่าย
ทำไมเวลาฝนตก ร่างกายจึงมีโอกาสเป็นหวัดได้ง่าย
ในช่วงฤดูฝน เรามักพบว่าอัตราการเจ็บป่วยโดยเฉพาะอาการ “หวัด” หรือ “ไข้หวัด” มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน หลายท่านอาจเคยมีประสบการณ์ว่า เพียงแค่โดนละอองฝนหรือฝ่าเปียกฝนกลับบ้าน ก็รู้สึกไม่สบาย คัดจมูก หรือมีไข้ในวันถัดไป ซึ่งอาจนำมาซึ่งคำถามว่า “เหตุใดฝนตกจึงทำให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น”
คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ มีดังนี้
1. อุณหภูมิของร่างกายลดลงกะทันหัน
เมื่อร่างกายเปียกฝน โดยเฉพาะหากอยู่ในที่เย็นจัดหรือมีลมแรง อุณหภูมิของร่างกายจะลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ช้าลง เป็นเหตุให้เชื้อไวรัสที่อาจอยู่แล้วในร่างกายมีโอกาสแบ่งตัวและก่อให้เกิดอาการหวัดได้ง่ายขึ้น
2. สภาพอากาศชื้นและการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ฝนมักมาพร้อมกับความชื้นในอากาศสูง ซึ่งเป็นสภาวะที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของไวรัสและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก เช่น รถโดยสาร ห้องเรียน หรือที่ทำงาน
3. พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในช่วงฝนตก
เมื่อฝนตก คนเรามักอยู่รวมกันในที่ปิดหรืออากาศไม่ถ่ายเท เช่น ในห้างสรรพสินค้า หรือรถยนต์ที่ปิดหน้าต่าง ซึ่งเพิ่มโอกาสในการรับเชื้อจากผู้อื่นผ่านการไอหรือจาม
4. เสื้อผ้าและร่างกายที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน
หากไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเช็ดตัวให้แห้งหลังจากเปียกฝน ร่างกายจะอยู่ในภาวะเย็นชื้นซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดไข้หวัดและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ง่าย
แนวทางการป้องกัน
– หลีกเลี่ยงการตากฝนโดยไม่จำเป็น
– พกร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวเสมอในช่วงฤดูฝน
– หากเปียกฝน ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำให้ร่างกายอบอุ่น
– ดื่มน้ำอุ่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
– หมั่นล้างมือและหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น




