"วิธีปกป้องดวงตาจากอาการตาล้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และมือถือ"
หน้าจอคอมพิวเตอร์อาจทำให้เกิดอาการล้าตา ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณนึกถึงบ่อยๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันยากที่จะมองข้าม
การปกป้องดวงตาจากอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่เคย แต่แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การรักษา การป้องกันย่อมดีกว่า
มาตรการป้องกันง่ายๆ สามารถช่วยถนอมสายตาจากหน้าจอได้ และวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีป้องกันในบทความนี้กัน
หน้าจอทำให้สายตาแย่ลงหรือไม่?
ภาวะสายตาล้าจากหน้าจอดิจิทัล (Digital Eye Strain - DES) หรือกลุ่มอาการคอมพิวเตอร์วิชันซินโดรม (Computer Vision Syndrome) พบมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะแทบทุกคนใช้หน้าจอในชีวิตประจำวัน และเวลาที่ใช้กับหน้าจอก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าบางคนอาจไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่ก็ยังใช้สมาร์ทโฟนเป็นประจำ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ประมาณ 50% ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีอาการ DES
แล้วหน้าจอทำให้สายตาแย่ลงจริงหรือไม่? ข่าวดีคือ อาการล้าตาไม่ใช่ปัญหาระยะยาว
ยังไม่มีหลักฐานว่าสายตาล้าจากหน้าจอจะทำให้สายตาเสื่อมลงในระยะยาว แต่ก็อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตาและส่งผลต่อการทำงานในแต่ละวัน
หน้าจอส่งผลต่อดวงตาของคุณอย่างไร?
หน้าจอมีผลกระทบต่อดวงตาของคุณอย่างไร? มีสัญญาณหลายอย่างที่ควรสังเกต ซึ่งอาการอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นหลัก มาดูกันว่ามีอาการอะไรบ้าง และจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร
สมาคมทัศนมาตรศาสตร์อเมริกัน (American Optometric Association) ระบุว่า อาการทั่วไปของสายตาล้า ได้แก่:
•ปวดศีรษะ
•มองเห็นภาพเบลอ
•ตาแห้ง
•ในกรณีรุนแรง อาจมีอาการปวดคอและไหล่
ทำไมจึงเกิดอาการเหล่านี้?
เมื่อจ้องหน้าจอที่มีความละเอียดสูง เรามักจะกระพริบตาน้อยลงโดยไม่รู้ตัว การตอบสนองต่อความเจ็บปวดอื่นๆ ก็ลดลง ทำให้ร่างกายไม่ส่งสัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างผิดปกติ สิ่งนี้พบได้บ่อยในการใช้คอมพิวเตอร์ และเรียกว่า "ภาวะสายตาล้าจากคอมพิวเตอร์" (Computer Vision Syndrome)
หากใช้หน้าจอเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อสุขภาพดวงตาในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน
วิธีปกป้องดวงตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
1. ใช้กฎ 20/20/20
ดวงตาของเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้จ้องมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งตรงหน้าเป็นเวลานาน โดยเฉพาะหน้าจอดิจิทัล กฎ 20/20/20 เป็นวิธีที่ช่วยให้ดวงตาได้พักระหว่างการทำงานที่ยาวนาน
กฎนี้ง่ายๆ คือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองไปที่สิ่งที่อยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที อย่างไรก็ตาม หากสามารถละสายตาจากหน้าจอได้นานกว่านั้น ก็ยิ่งดีต่อดวงตามากขึ้น
2. ปรับแสงในห้องให้เหมาะสม
อาจฟังดูขัดแย้ง แต่การมีแสงสว่างน้อยลงในห้องกลับช่วยลดอาการล้าตาได้เมื่อทำงานกับคอมพิวเตอร์ ห้องทำงานไม่ควรสว่างเกินไป ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรปิดม่านและลดการใช้ไฟนีออน
พยายามใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์ต่ำกว่า และปรับแสงรอบตัวให้มีความสว่างประมาณครึ่งหนึ่งของแสงในสำนักงานทั่วไป
3. ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ
การตรวจสุขภาพตากับจักษุแพทย์เป็นประจำช่วยให้มั่นใจว่าสุขภาพดวงตาของคุณอยู่ในเกณฑ์ปกติ และช่วยตรวจหาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะรุนแรง นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีที่จะพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สายตาและสุขภาพดวงตาของคุณ
4. ลดแสงสะท้อน
แสงสะท้อนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อาจทำให้สายตาล้า เพราะดวงตาจะปรับโฟกัสได้ยากขึ้น วิธีแก้ไขคือ ใช้ฟิล์มกันแสงสะท้อนแบบด้าน (anti-glare matte screen) แทนหน้าจอ LCD ที่มีพื้นผิวเป็นกระจก
หากคุณใส่แว่น ควรเลือกเลนส์ที่มี สารเคลือบกันแสงสะท้อน (anti-reflective coating) เพื่อช่วยลดอาการล้าตาเมื่อใช้งานหน้าจอเป็นเวลานาน
5. ใช้หน้าจอที่มีความละเอียดสูง
ปัจจุบันหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มีอัตรารีเฟรชเรตที่ 75Hz ขึ้นไป ซึ่งดีกว่าหน้าจอรุ่นเก่าที่มีอัตรารีเฟรชต่ำ ทำให้เกิดการกะพริบของภาพที่อาจทำให้ตาล้า
หน้าจอที่มีความละเอียดสูงทำให้ภาพดูสมจริงมากขึ้น หากมองไม่เห็นพิกเซลชัดเจน ดวงตาจะทำงานน้อยลงและรู้สึกสบายขึ้น
6. ลดแสงสีฟ้า
แสงสีฟ้ามีความยาวคลื่นสั้นและสามารถทำลายเซลล์ดวงตาได้ การใส่ แว่นตากรองแสงสีฟ้า (blue light glasses) ขณะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้หน้าจอเป็นเวลานาน
"วิธีปกป้องดวงตาจากหน้าจอโทรศัพท์"
1. ปรับตั้งค่าหน้าจอ
หลายคนมักลืมว่าหน้าจอโทรศัพท์สามารถปรับแต่งได้ เพราะค่าเริ่มต้นก็ดูโอเคอยู่แล้ว! แต่เนื่องจากดวงตาของแต่ละคนแตกต่างกัน โทรศัพท์ทุกรุ่นจึงมีตัวเลือกให้ปรับ ความคมชัด ความสว่าง และขนาดตัวอักษร เพื่อลดอาการล้าตา
ลดความสว่างของหน้าจอเมื่ออยู่ในบ้าน หรือเปิด โหมดปรับความสว่างอัตโนมัติ เพื่อให้โทรศัพท์ปรับแสงตามสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ การเพิ่มขนาดตัวอักษร ยังช่วยให้อ่านข้อความได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
2. เว้นระยะห่างที่เหมาะสม
คุณควรมองหน้าจอโทรศัพท์จากระยะ 16-18 นิ้ว อย่าถือโทรศัพท์ใกล้เกินไป หากรู้สึกว่าต้องขยับโทรศัพท์เข้ามาใกล้ ให้ลองซูมหน้าจอแทน เพื่อช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา
3. ใช้โหมดกลางคืน (Night Mode)
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง Android และ iPhone มีฟีเจอร์ โหมดกลางคืน ที่ช่วยลดอาการล้าตาโดยอัตโนมัติ เปิดใช้งานโหมดนี้ แล้วโทรศัพท์จะปรับค่าหน้าจอให้เหมาะสมกับช่วงเวลาของวัน วิธีนี้ช่วยถนอมสายตาได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องปรับเองตลอดเวลา
4. อย่าลืมกระพริบตา!
ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หลายคนมักลืมกระพริบตาเมื่อใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เพราะเรามักจดจ่อกับเนื้อหาบนหน้าจอโดยไม่รู้ตัว
การกระพริบตาช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้นและปรับโฟกัสได้ดีขึ้น ควร กระพริบตาบ่อยๆ เพื่อลดอาการล้าตาและตาแห้ง
5. ใช้ฟิล์มกันแสงสะท้อน
หน้าจอสมาร์ทโฟนมักมีพื้นผิวมันวาว ซึ่งอาจทำให้เกิดแสงสะท้อนจากแสงรอบตัวหรือแสงแดด การติดฟิล์มกันแสงสะท้อนแบบด้าน (Matte Screen Protector) ช่วยลดแสงสะท้อน ทำให้สบายตาขึ้น แถมยังช่วยปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนอีกด้วย
6. ใช้น้ำตาเทียม
ไม่ว่าจะเป็นอาการล้าตาจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ น้ำตาเทียม เป็นตัวช่วยที่ดีในการให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา มีน้ำตาเทียมหลายประเภท ทั้งแบบมีและไม่มีสารกันเสีย ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา อาจต้องลองใช้หลายยี่ห้อเพื่อหาตัวที่เหมาะกับคุณที่สุด
'เคล็ดลับในการจำกัดการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ'
นี่คือเคล็ดลับในการลดเวลาใช้หน้าจอเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตาของคุณ:
•หลีกเลี่ยงการดูภาพยนตร์หรือทีวีบนอุปกรณ์มือถือ
•หลีกเลี่ยงการมีหลายบัญชีโซเชียลมีเดีย
•หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์หรืออุปกรณ์ในสถานการณ์ทางสังคม
•กินอาหารโดยไม่ใช้โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์
•ตั้งขอบเขตในบ้านสำหรับเวลาและสถานที่ที่สามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลได้
•จำกัดเวลาที่ใช้ในแอปหรือโทรศัพท์โดยทั่วไป
"คำแนะนำสำคัญในการปกป้องดวงตาของคุณ"
เราได้พูดถึงเรื่องภาวะสายตาล้าจากหน้าจอดิจิทัลไปมากแล้ว นี่คือข้อสรุปสำคัญ:
การปรับความสว่างของโทรศัพท์เป็นสิ่งสำคัญ และโทรศัพท์ของคุณอาจปรับแสงให้โดยอัตโนมัติด้วย เซ็นเซอร์แสงรอบตัวในอุปกรณ์ช่วยปรับแสงให้เหมาะสมตามแสงที่มีอยู่แล้ว นอกจากนี้ ฟีเจอร์ โหมดกลางคืน ช่วยลดผลกระทบจากแสงสีฟ้าต่อดวงตา
ยิ่งสีหน้าจอมีอุณหภูมิที่อบอุ่นมากเท่าไร ยิ่งดี เพราะคลื่นแสงที่ยาวกว่าจะดีกว่าสำหรับดวงตาของคุณ ดังนั้น ควรลดการมองเห็นแสงสีฟ้าให้มากที่สุด
ที่มา: Kraft eye
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
หายไป 11 ปี ครอบครัวจัดงานศพแล้ว…แม่บ้านเพนซิลเวเนียโผล่อีกทีที่ฟลอริดา
เขมรขวัญผวา ทัพไทยเหนือชั้น เปิดตัวอาวุธใหม่จากอิสราเอล พร้อม Gripen E/F สุดโหด!
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
“พนักงานไดกิ้นกลับใจ ขอรับโบนัสตามเดิม” เป็นข่าวปลอม
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คัน
เขมรพังเรื่อยๆ ไทยปิดด่าน ทำเอาชาวเขมรโมโห เผานาทิ้ง เนื่องจากขายข้าวไม่ได้
งดจ้าง vs เลิกจ้าง ต่างกันยังไง? ไม่เข้าใจมีสิทธิ “พัง” แบบไม่รู้ตัว!
จากดาวเด่นบนเวทีโลก สู่ชีวิตไร้บ้าน เรื่องจริงสุดพีคของ “ซูซี่ เปเรซ”
Mega Prison เอลซัลวาดอร์ คุกยักษ์ที่สร้าง “มอนสเตอร์ถูกกฎหมาย” เพื่อปราบแก๊ง
หายไป 11 ปี ครอบครัวจัดงานศพแล้ว…แม่บ้านเพนซิลเวเนียโผล่อีกทีที่ฟลอริดา

