ฟิลเลอร์ปากแบบไหนดีแก้ไขรูปปากให้ดูสวย เข้ากับโครงหน้า !
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขรูปทรงของปากให้ดูดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับมุมปากเช่นฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากหรือทำให้ปากอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น หรือก็สามารถให้รูปปากเป็นไปตามที่ต้องการได้เช่นทำปากกระจับ หรือ การฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อเติมเต็มรูปปาก เป็นต้น
ซึ่งการใช้ฟิลเลอร์ฉีดปากเป็นหัตถกรรมที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะสามารถทำให้เห็นผลได้ทันทีหลักฉีด และไม่จำเป็นต้องตัดปาก เย็บปาก เพื่อให้มีแผลบริเวณปากอีกด้วยซึ่งหากเราใช้บริการคลินิกฟิลเลอร์ปากที่ดีมีคุณภาพ ยิ่งจะทำให้การฉีดปากของเราคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไปมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งในบทความนี้จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคา และการเตรียมตัวก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ปากคืออะไร ? ช่วยอะไรได้บ้าง
สารฉีดที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอดซิด ซึ่งเป็นสารประเภทที่จะมีคุณสมบัติพิเศษ ที่สามารถอุ้มน้ำได้ และเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติอยู่แล้วด้วยทำให้สามารถนำมาใช้ปรับรูปปากให้เป็นแบบที่ต้องการได้ เพิ่มความอวบอิ่มได้ และสามารถแก้ปัญหาปากแตก แห้ง เป็นร่องเป็นขุย
ซึ่งก่อนที่จะมีการฉีดฟิลเลอร์ปากแพทย์จะทำการประเมินสภาพริมฝีปากก่อนที่จะวางแผนการฉีดให้ เช่น ประเมินความหนาของริมฝีปาก ความสมดุล และรูปร่างของปาก ก่อนที่จะกำหนดวิธีการและปริมาณของฟิลเลอร์ปากที่จะใช้ในการฉีด
ฟิลเลอร์ปากมีกี่รูปแบบ มีอะไรบ้าง ?
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากมีหลายรูปแบบที่ใช้ในการเสริมความอวบอิ่มและปรับรูปทรงของริมฝีปาก โดยแบ่งตามชนิดของสารฟิลเลอร์ที่ใช้และเทคนิคการฉีดซึ่งมีหลายเทคนิค และสามารถเลือกสารที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ปากได้เยอะมาก ทั้งนี้ เบื้องต้นแพทย์จะเป็นคนประเมินทรงปากที่เหมาะสมให้กับเราไปด้วย
- ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูโรนิก filler ปากยอดนิยมที่สุดเพราะว่ากรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เป็นสารที่มีความปลอดภัยสูงมีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และสามารถดูดซึมได้เองในร่างกาย ฟิลเลอร์ประเภทนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอ่อนนุ่ม ตัวอย่างสารนี้เช่นพวกฟิลเลอร์ปากยี่ห้อ Restylane, Juvederm, Belotero เป็นต้น
- ส่วนต่อมาเป็นฟิลเลอร์คอลลาเจน ซึ่งจะเป็นฟิลเลอร์ปากที่ทำจากคอลลาเจน โดยจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับผิวหนังมากยิ่งขึ้น แต่ในช่วงหลังมีความนิยมลดลงเมื่อเทียบกับกรดไฮยาลูโรนิก เนื่องจากอยู่ได้ไม่นานเท่า HA
- ฟิลเลอร์แบบผสม ซึ่งเป็นการผสมสารฉีดฟิลเลอร์ปากแบบหลายชนิด โดยบางชนิดอาจมีการผสมผสานระหว่างกรดไฮยาลูโรนิกและสารอื่น ๆ เพิ่มเข้ามา โดยแพทย์จะประเมินทรงฟิลเลอร์ปากให้เข้ากับรูปหน้าได้มากกว่าและจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในเรื่องของความทนทานและการดูดซึมอีกด้วย
- อีกตัวนึงที่ต้องรู้จักคือฟิลเลอร์แบบเติมความชุ่มชื้น จะเป็นฟิลเลอร์ปากที่เหมาะสำหรับริมฝีปากแห้ง โดยฟิลเลอร์ประเภทนี้มักจะใช้สารที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากและจะทำให้ริมฝีปากดูสดใสและนุ่มขึ้น
ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะแบบไหน ?
แน่นอนว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นที่นิยมมากในสมัยนี้ ด้วยความปลอดภัยในการทำ และราคาที่ไม่ได้สูงเวอร์เพราะในบางรายสามารถฉีดปาก 1 cc ก็สามารถเห็นผลได้แล้ว ซึ่งในการฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะสำหรับคนที่มีความต้องการปรับปรุงรูปร่างของริมฝีปาก หรือผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับริมฝีปาก โดยผู้ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีลักษณะหรือความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนี้
- คนที่มีริมฝีปากบาง ฟิลเลอร์ปากสามารถช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับริมฝีปากได้ และช่วยปรับรูปทรงกับเพิ่มความหนา โดยไม่ต้องผ่าตัด
- คนที่มีรูปปากไม่สมดุล ฟิลเลอร์ปากสามารถช่วยปรับปรุงความสมดุลของปาก เช่น ปากบนบางกว่าปากล่าง หรือปากไม่เท่ากัน
- คนที่มีริ้วรอยรอบริมฝีปาก ฟิลเลอร์สามารถช่วยลดรอยย่นและริ้วรอยรอบปาก เช่น รอยบุหรี่ ซึ่งมักเกิดจากการสูบบุหรี่หรืออายุที่เพิ่มขึ้นได้
- เหมาะกับคนที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก โดยเฉพาะผู้ที่มีริมฝีปากแห้งหรือแตกเป็นประจำ ฟิลเลอร์ปากที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก และทำให้ปากดูมีชีวิตชีวาและนุ่มขึ้น
- คนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติเพราะว่าทรงของฟิลเลอร์ปากมีให้เลือกค่อนข้างมาก และฟิลเลอร์ไม่ได้อยู่ตลอดไปเหมือนผ่าตัด สามารถทดลองแบบที่ชอบได้ โดยที่ยังดูเป็นธรรมชาติ
เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากยังไงบ้าง ?
ในการเตรียมตัวก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์บนปาก มีข้อควรระวังไม่เยอะ หลัก ๆ คือต้องเลือกคลินิกที่เข้าไปใช้บริการให้ดี ดูรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปากเยอะ ๆ และทำตามสิ่งที่แพทย์สั่งอย่างครบถ้วน
- ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่สามารถไว้ใจได้ มีการรับรองอย่างชัดเจน
- งดออกกำลังกายหนัก หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้เลือดสูบฉีด
- หากมีการใช้ยาในการรักษาตัวอยู่ก่อนหน้า หรือใช้ยาเพื่อรักษาโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์
- ห้ามฉีดฟิลเลอร์ปากตอนมีอาการป่วย หรือรับการรักษาอย่างอื่นแบบใกล้ชิดอยู่
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปากทำยังไง และเห็นผลเลยไหม ?
แน่นอนว่าจะเห็นผลทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและเต็มขึ้นทันทีหลังจากการฉีด และในช่วง 1-2 วันหลังการฉีด ฟิลเลอร์อาจเริ่มเข้าที่และทำให้ริมฝีปากดูสมดุลและสวยงามมากขึ้น ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายจะเห็นได้ชัดใน 1-2 สัปดาห์หลังการฉีด เมื่อฟิลเลอร์ได้ปรับตัวและเข้าที่อย่างสมบูรณ์ อาการบวมและรอยฟกช้ำจะหายไป และปากจะอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปากมีดังนี้
- ไม่นวดปากหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่แกะปาก และไม่ทำท่าทางที่ใช้กล้ามเนื้อริมฝีปากมากในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงความร้อนและความเย็นจัด อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำอาจทำให้ฟิลเลอร์เปลี่ยนรูปทรงหรือทำให้เกิดการบวมมากขึ้น
- ห้ามออกกำลังกายหนัก หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายมีการกระทบกระเทือน
- หลังฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ และดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ
ฟิลเลอร์ปากโดยเฉลี่ยแล้วมีราคาเท่าไหร่
ฟิลเลอร์ปากจะถูกแบ่งออกได้หลายราคา และหลายระดับมาก ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ คลินิกที่เข้ารับบริการและประสบการณ์ของแพทย์กับทำเลที่ตั้งของคลินิกโดยราคาฟิลเลอร์ปาก โดยทั่วไปแล้วจะมีราคาประมาณ 10,000 - 25,000 บาท ต่อการฉีด 1-2 CC แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้และชนิดของฟิลเลอร์ด้วย เช่น
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อระดับกลางพวก Restylane, Juvederm จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 12,000 - 18,000 บาท ต่อการฉีด 1-2 CC
- ถ้าเป็นฟิลเลอร์พรีเมียมเช่น Juvederm Volbella, Restylane Kysse จะมีราคาสูงกว่าหน่อยที่ประมาณ 18,000 - 25,000 บาท ต่อการฉีด 1-2 CC
ซึ่งสำหรับบางคลินิกอาจมีแพ็คเกจสำหรับการฉีดหลายครั้งในราคาที่ถูกกว่าได้เช่นกัน
การฉีดฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากก็มีความเสี่ยงและอันตรายที่ต้องรู้อยู่บ้างเช่นกันเหมือนกับการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ คือต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเท่านั้น เพื่อให้ไม่เจออันตราย
ในเบื้องต้นอาการที่มักเกิดขึ้นหลังการฉีดคือการบวมเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งมักจะหายไปภายใน 1-2 วัน สำหรับบางคนการฉีดฟิลเลอร์ปากอาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำรอบ ๆ บริเวณที่ฉีดได้ ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน หรืออาจจะเกิดอาการระคายเคืองรู้สึกคัน หรือปวดในพื้นที่ที่ฉีดฟิลเลอร์ ปกติจะหายไปภายใน 1-2 วัน
ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องรู้อะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการทำหัตถกรรมที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะว่าสามารถปรับรูปปากได้ทันที และไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ใด ๆ และถ้าเราฉีดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และมีความชำนาญ รวมถึงใช้ฟิลเลอร์พวก HA ยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงมากนัก และแพทย์เก่ง ๆ สามารถปรับรูปปากของเราได้หลายแบบเช่น ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ หรือฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ทำให้เราปรับปากของเราให้เข้ากับรูปหน้าได้ดียิ่งขึ้น
















