คุณรู้หรือไม่ว่า ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้วงแหวนของดาวเสาร์กำลังจะหายไป!!
ดาวเสาร์ (Saturn) เป็นดาวเคราะห์ก๊าซที่ดวงใหญ่เป็นอันดับสองของระบบสุริยะ ซึ่งประกอบไปด้วยไฮโดรเจน และฮีเลียมเป็นส่วนใหญ่ และมีดาวบริวารมากที่สุดถึง 274 ดวง ดาวเสาร์มีเส้นผ่านศูนย์กลางที่เส้นศูนย์สูตรประมาณ 74,897 ไมล์ (120,500 กิโลเมตร) กว้างกว่าโลก 9 เท่า หากโลกมีขนาดเท่าเหรียญ 5 เซ็นต์ ดาวเสาร์ก็จะมีขนาดเท่ากับลูกวอลเลย์บอล ในบรรดาดาวเคราะห์ทั้ง 8 ดวง ดาวเสาร์จะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 6 จากระยะทางเฉลี่ย 886 ล้านไมล์ (1.4 พันล้านกิโลเมตร) ดาวเสาร์อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 9.5 หน่วยดาราศาสตร์ หนึ่งหน่วยดาราศาสตร์ (AU) คือระยะทางจากดวงอาทิตย์ถึงโลก จากระยะทางดังกล่าว แสงอาทิตย์ใช้เวลา 80 นาทีในการเดินทางจากดวงอาทิตย์ถึงดาวเสาร์
ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ก๊าซที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนไม่เหมือนใคร คือ รอบๆ วงกลมของมันจะมีวงแหวนที่ประกอบไปด้วยน้ำแข็งและหินขนาดเล็กนับพันล้านชิ้นรอบล้อม ซึ่งเกิดจากการที่มันดึงดูดเอาเศษของดาวหาง ดาวเคราะห์น้อย หรือดวงจันทร์ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เข้ามารวมไว้ด้วยกันจนกลายเป็นวงแหวน ซึ่งอนุภาคในวงแหวนส่วนใหญ่มีตั้งแต่เม็ดน้ำแข็งขนาดเล็กเท่าฝุ่นไปจนถึงขนาดใหญ่เท่าบ้าน อนุภาคบางส่วนมีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขา และพวกมันจะโคจรรอบดาวเสาร์ด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน
ในเดือนมีนาคม 2025 วงแหวนของดาวเสาร์กำลังจะหายไป!?
(Alan Friedman ถ่ายภาพวงแหวนของดาวเสาร์ที่หายไปเมื่อปี 2009 (ซ้ายบน) เขาเริ่มถ่ายภาพดาวเสาร์ตั้งแต่ปี 2004 (ขวาล่าง) ซึ่งวงแหวนของดาวเสาร์ปรากฏให้เห็นเป็นช่องเปิดกว้าง (เครดิตภาพ: Alan Friedman/APOD ))
ในทุกๆ 15 ปี จะเกิดปรากฏการณ์วงแหวนของดาวเสาร์หายไป หรือเรียกอีกอย่างว่า “การโคจรข้ามระนาบวงแหวน (ring plane crossing)” เป็นปรากกการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดจากแกนของดาวเสาร์ไม่ได้ตั้งฉากกับระนาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์เช่นเดียวกับแกนของโลก โดยแกนโลกจะเอียง 23.5° แต่แกนของดาวเสาร์จะเอียง 26.7° เมื่อแกนของดาวเสาร์เอียงไปทางดวงอาทิตย์ ซีกโลกเหนือจะหันเข้าหาดวงอาทิตย์ ดังนั้นเราจึงมองเห็นดาวเสาร์และวงแหวนจากด้านบน
และเมื่อแกนของดาวเสาร์เอียงออกจากดวงอาทิตย์ ซีกโลกใต้จะหันเข้าหาดวงอาทิตย์ ดังนั้นเราจึงมองเห็นดาวเสาร์และวงแหวนจากด้านล่าง(ของดาวเสาร์) และเมื่อแกนของดาวเสาร์ไม่ได้เอียงไปหาจากดวงอาทิตย์ (ช่วงวิษุวัต หรือ equinox ) ซีกโลกทั้งสองจะได้รับแสงอาทิตย์เท่ากัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเหนือเส้นศูนย์สูตรของดาวเสาร์โดยตรงในช่วงวิษุวัต
เนื่องจากวงแหวนของดาวเสาร์โคจรไปตามเส้นศูนย์สูตรของดาว ดังนั้นในช่วงวิษุวัตหากมองจากโลกของเรา เราจะเห็นวงแหวนของดาวเสาร์เป็นเส้นขอบบาง ๆ หรืออาจจะมองไม่เห็นเลย
คลิปวิดีโอแบบจำลองการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวเสาร์และโลก ในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ ring plane crossing
โลกของเราใช้เวลา 365 วันในการโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ ดังนั้นโลกจึงเกิดวันวิษุวัตขึ้น 1 ครั้งทุก 6 เดือน (1 ปี จะเกิดขึ้น 2 ครั้ง ช่วงเดือนมีนาคม และเดือนกันยายน) ในทำนองเดียวกัน ดาวเสาร์ใช้เวลา 29.4 ปีในการโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ ดังนั้นวันวิษุวัตจะเกิดขึ้นบนดาวเสาร์หนึ่งครั้งในทุกๆ 14.7 ปี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุก ๆ 14.7 ปี (ในช่วงวิษุวัต) วงแหวนของดาวเสาร์จะหายไปจากมุมมองจากบนโลกของเราชั่วคราว
ในปีนี้วงแหวนของดาวเสาร์จะเริ่มหายไปตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2025 เราจะไม่สามารถมองเห็นวงแหวนของดาวเสาร์ได้ หรืออาจเห็นเส้นบางๆ และต้องรออีกประมาณ 44 วัน จนกว่าวงแหวนจะกลับมาให้เราเห็นอีกครั้ง และหลังจากนี้อีก 15 ปี เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยวันนั้นจะตรงกับวันที่ 15 ตุลาคม 2038
สรุปแล้วการหายไปของวงแหวนของดาวเสาร์ เป็นเพียงการมองไม่เห็นมันจากมุมของเราบนโลก ไม่ได้หมายความว่าเศษฝุ่น เศษน้ำแข็ง ที่กระจุกตัวกันนับล้านๆ ชิ้นจะอันตรธานหายไปในระบบสุริยะ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็เป็นอีกหนึ่งในหลายล้านเหตุการณ์อันหน้าทึ่งที่เกิดในระบบสุริยะของเรา และมันยังเป็นเครื่องมือที่มนุษย์เราใช้ในการแบ่งช่วงเวลาบนโลกอีกด้วย
ลักษณะคร่าวๆ ของดาวเสาร์ :https://science.nasa.gov/saturn/facts/
เหตุการณ์การหายไปของวงแหวน : https://spaceandtelescope.com/disappearance-of-saturns-rings-in-march-2025/







