อาการซึมเศร้าในผู้สูงวัยอันตรายกว่าที่คิด คนในครอบครัวควรเข้าใจ
โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ (Late-life depression) เป็นโรคซึมเศร้าที่เกิดในผู้สูงวัย ช่วงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป แบ่งเป็น 2 แบบ คือ 1.อาการซึมเศร้าที่เป็นมาก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ 2.เกิดในช่วงที่เข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว
ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงวัยพบมากถึง 10-20 % ของประชากร และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่หย่าร้าง อยู่ตัวคนเดียว หรือ สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก จะมีความเสี่ยงกับภาวะนี้มากขึ้น
อาการซึมเศร้าในผู้สูงอายุ
มักไม่ค่อยตรงไปตรงมา มีตั้งแต่เศร้าเล็กน้อย อารมณ์ไม่แจ่มใส ไปจนถึงรุนแรงมากจนกระทั่งเป็นโรค หรือ มีอาการจิตเวชร่วมด้วย
หากคนไข้ไปพบแพทย์ในขั้นที่เป็นรุนแรงมาก มีอาการหลอนทางจิต หรือ มีความคิดฆ่าตัวตาย การวินิจฉัยทำได้ไม่ยากนัก แต่กลุ่มคนที่มีอาการซึมเศร้าแต่ไม่แสดงออก อาจมีเพียงจิตใจไม่แจ่มใส ความสามารถในการดำเนินชีวิตลดลง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน จะถูกปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นอันตรายในที่สุด
อาการเตือนของภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ได้แก่
1.สภาวะทางอารมณ์เปลี่ยนไป เช่น เคยเป็นคนอารมณ์ดีก็เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดง่าย มีเหตุผลน้อยลง ขี้บ่นมากขึ้น หรือสนใจในสิ่งที่เคยชอบลดลงจากเดิม
2.รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเบื่อหน่ายในการมีชีวิตอยู่ ไม่อยากร่วมกิจกรรม พูดน้อยลง ไม่ดูแลตัวเอง ไม่ยอมกินยา เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
3.มีปัญหาการนอนที่ผิดปกติ นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ หรือ ตื่นกลางดึก
4.มีอาการความจำไม่ค่อยดี สมาธิสั้นลง
5.มีความรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่ หรือ อยากทำร้ายตัวเอง อาจมีประโยคนำเช่น “ไม่อยากอยู่ ตาย ๆ ไปได้ก็ดี”
6.เหนื่อยล้า รู้สึกร่างกายไม่มีพลังงาน เคลื่อนไหวเชื่องช้า ปวดเมื่อย อ่อนเพลียโดยไม่มีสาเหตุ
ปัจจัยทางกาย ที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ
1.ผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือด ความดัน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคทางสมอง โรคไตวายเรื้อรัง จะกระตุ้นให้มีภาวะซึมเศร้าได้มากขึ้น
2.ผู้ป่วยโรครุนแรง เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคที่ทำให้ทุพพลภาพหรือพิการ หรือมีอาการปวดเรื้อรังที่ควบคุมได้ไม่ดี
3.ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม หรือ โรคพากินสัน มีภาวะเนื้อสมองฝ่อตายก่อนเวลาอันควร ส่งผลกระทบต่อการควบคุมอารมณ์ของคนไข้ อาจมี อาการเชื่องช้ากว่าปกติ ไม่ค่อยมีพลังงาน ไม่อยากสนใจอะไร พูดช้า ๆ คิดช้า ความจำแย่ลง ผู้สูงอายุกลุ่มนี้จะมีภาวะทางกายคล้ายโรคซึมเศร้า
4.ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มาก หรือ กินยาบางชนิด
5.ผู้ที่มีภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ หรือ วิตามิน B12, Folate
ปัจจัยทางจิตสังคม ที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ
1.การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สูญเสียคู่ชีวิต คนในครอบครัว
2.การสูญเสียสถานะ ในครอบครัว เครือญาติ ในสังคม
3.การไม่สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
4.มีปัญหาหนี้สิน รายได้น้อย ไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ คนเหล่านี้มักมีภาวะซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าในผู้สูงวัยอันตรายขนาดไหน
ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุอาจเป็นเรื่องปวดหัวเล็กน้อยของ คนรอบข้าง คนในครอบครัว ไปจนกระทั่งรุนแรงถึงขั้นทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ผู้เป็นโรคซึมเศร้ามักไม่สนใจตัวเอง กินน้อย หรือ ไม่กินเลย เบื่อหน่ายการใช้ชีวิต ไม่นอน ไม่ออกกำลังกาย ไม่ทำกิจกรรม ไม่กินยาตามแพทย์สั่ง ทำให้ภาวะโภชนาการ ความแข็งแรงของร่างกายลดลง ทำให้ควบคุมโรคประจำตัวที่มีได้ยากขึ้น
หากไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ สภาพอารมณ์ของผู้สูงวัยอาจแย่ลงต่อเนื่องไปนานจนทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้ หรือ “อาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้าขั้นรุนแรงจนผู้ป่วยเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง แม้การฆ่าตัวตายของผู้สูงอายุไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่เมื่อตัดสินใจทำแล้ว มักจะเลือกวิธีการที่รุนแรงและทำสำเร็จเป็นส่วนใหญ่” หากผู้สูงวัยมีอาการเบื้องต้นที่เข้าข่ายภาวะซึมเศร้า ผู้ใกล้ชิดควรรีบพามาพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาให้ทันท่วงที
วิธีปฏิบัติต่อผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้า
1.ให้ความเอาใจใส่ ดูแล เข้าใจความรู้สึกของผู้ป่วย โดยการคุยกันและฟังกันให้มากขึ้น
2.อย่าทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าเป็นผู้ที่ทำให้ลูกหลานต้องแบกภาระเหนื่อยยากในการดูแล
3.ดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุ แก้ไขไปตามอาการที่พบ เช่น อาการเบื่ออาหาร ผู้ดูแลควรปรับเปลี่ยนเมนูอาหารให้น่ากินขึ้น โดยเลือกเมนูอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย ไม่กระทบต่อโรคประจำตัว
4.หากมีอาการนอนไม่หลับ อาจชวนทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ฟังธรรมมะ
5.หากิจกรรมให้ผู้สูงอายุทำ เป็นสิ่งที่ทำแล้วเพลิดเพลิน สิ่งที่ท่านชอบและสนใจที่จะทำ หมั่นทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว กระตุ้นในผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองเป็นที่ปรึกษาของบุคคลในครอบครัวได้
6.ชวนสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ ปรับเปลี่ยนบรรยากาศให้ผู้สูงอายุรู้สึกสดชื่น หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความกระทบกระเทือนใจ
ภาวะซึมเศร้ามีโอกาสเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่ากลุ่มคนวัยอื่น แม้รักษาอาการซึมเศร้าหายแล้ว ก็อาจกลับมาเป็นอีกได้ ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตอยู่เสมอ ว่าผู้สูงอายุในครอบครัว มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายภาวะซึมเศร้าหรือไม่ จะได้ป้องกันได้ทันท่วงที หากมีอาการ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ควรไปปรึกษาแพทย์หาสาเหตุเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป






















