Me Time ช่วงเวลาของการชาร์จแบตให้ตัวเอง ‘Me Time’ เวลาที่ได้เป็นตัวเอง 100% มีเวลาพักผ่อน ฮีลใจ และได้เป็นตัวเองแบบสุด ๆ
Me Time เวลาที่ได้เป็นตัวเอง 100% คือ ช่วงเวลาของการชาร์จแบตให้ตัวเอง ด้วยการอยู่คนเดียว ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ มีช่วงเวลาที่ได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ กลับมาอยู่กับตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แบบโนสน โนแคร์ ว่าใครจะว่าอะไร ได้ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริง
ช่วงเวลา Me Time
หาความสุขเล็ก ๆ จากมุมเล็ก ๆ ในบ้าน บ้านของเรามีความสุขเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ทุกมุม อย่างเช่น การเก็บกวาดมุมเล็ก ๆ ที่รกมานาน แล้วได้พบของที่คิดว่าหายไปแล้ว การจัดเรียงเสื้อผ้าตามเฉดสี การใช้เวลาค้นคว้าสูตรอาหารง่าย ๆ การทำตามเมนูยอดฮิตที่เป็นไวรัลใน TikTok เปรียบเสมือนการปลดล็อกความสำเร็จเล็ก ๆ ที่ทำให้เราสนุกกับตัวเองได้ทั้งวัน
จัดพื้นที่ในบ้านให้เป็น Safe Space ของเรา ลองจัดพื้นที่เล็ก ๆ ในห้อง ให้เป็นที่แห่งความสุขส่วนตัว จุดเทียนหอม ปูเบาะนั่งนุ่ม ๆ หยิบหมอนสวย ๆ มาวางรอบตัว ห่มผ้านุ่ม ๆ ฟังเพลงที่ชอบแบบไม่ต้องใช้หูฟัง หยิบหนังสือที่อยากอ่านมานานแล้วแต่ไม่มีเวลาขึ้นมาเปิด เพียงเท่านี้ เราก็มีมุมที่ทำให้หัวใจฟูได้แล้ว
ปล่อยให้ตัวเองเป็นคนขี้เกียจที่มีความสุข การพักผ่อนอย่างแท้จริง คือ การที่เราให้ตัวเองได้หยุดพัก ไม่ต้องวิ่งตามความคาดหวัง เวลาอยู่บ้านเป็นเวลาที่เราเป็น ‘คนขี้เกียจในแบบที่ภูมิใจ’ ได้ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม ๆ นอนยืดเหยียดแขนขาเต็มที่ ปล่อยให้โทรศัพท์หล่นลงบนพื้น เพราะเผลอหลับไป ตื่นมาเจออาหารที่สั่งไว้เย็นชืดแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะนี่คือบ้านของเรา เราสามารถเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์แบบและยังมีความสุขได้
ดูแลสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เพื่อความสุขใจ ให้เวลากับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เราไม่ค่อยได้สนใจ ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาหยิบกรรไกรมาแต่งกิ่งที่แห้งตาย รดน้ำอย่างพอเหมาะ น้องแมวที่รอคอยความรักจากเรา ใช้เวลาลูบหัว หรือเล่นกับน้องบ้าง การได้เห็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้มีความสุขเพราะเรา มันก็ทำให้หัวใจเราพองโตได้นะ
ออกแบบ Me Time ให้เป็นระบบที่ใช่สำหรับเรา Me Time ไม่มีกฎตายตัวว่าต้องเป็นอย่างไร บางคนชอบความเงียบสงบ ได้นั่งนิ่ง ๆ ไม่ทำอะไรเลย บางคนชอบ Me Time ที่วุ่นวาย อย่างเช่น ทำความสะอาดบ้าน พร้อมเปิดเพลงโปรด บางคนอยากนอนแบบไม่ต้องใช้สมอง ลองสังเกตตัวเองว่าแบบไหนที่ทำแล้วมีความสุข แล้วออกแบบ Me Time ในสไตล์ของเราเอง “เวลาของเรา เราเป็นคนกำหนดกฎ”
ปิดโทรศัพท์ก่อนสตาร์ท Me Time ลองปิดโซเชียลมีเดียสักชั่วโมง สองชั่วโมง การทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ต้องเสียสมาธิไปกับเพื่อนที่ชวนคุย เสียงแจ้งเตือนที่บางทีก็ทำเอาหลอน เป็นวิธีฝึก Social Detox พอทำแล้วจะรู้สึกได้เลยว่า ชีวิตดีขึ้นได้
ไปดูหนังในโรงหนัง เลือกไปดูหนังในโรงหนัง เพราะ การมีจอใหญ่ ๆ เป็นจุดสนใจ บังคับให้เราเล่นโทรศัพท์ไม่ได้ บรรยากาศโรงหนังทำให้เราได้อยู่กับตัวเองจนเป็นอีกหนึ่ง Me Time คุณภาพ
Me Time ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นศิลปะแห่งการดูแลตัวเอง การที่เรามีเวลาอยู่คนเดียวในพื้นที่ที่เรารู้สึกปลอดภัยและสบายใจที่สุด ไม่ต้องแสร้งทำตัวให้เป็นที่ยอมรับของใคร ไม่ต้องพยายามทำตัวให้เข้ากับใคร ไม่ต้องแต่งตัวให้ดูดี แค่เป็นตัวเราเองในเวอร์ชันที่มีความสุขที่สุด ‘บางทีคนที่เราอยากอยู่ด้วยมากที่สุด ก็คือ ตัวเราเองนั่นแหละ’
การมี Me Time เป็นเหมือนรางวัลเล็ก ๆ ให้กับวันที่แสนหนักของเรา เซฟใจตัวเองได้ทันก่อนเบิร์นเอ้าท์ เพราะตัวเราเอง คือ เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา มี ‘เวลาเพื่อตัวเอง’ เพื่อปลอบประโลมชีวิตไม่ให้เหี่ยวเฉาในโลกอันแสนวุ่นวายกันเถอะ!










