"อากาศร้อนจัด! วิธีป้องกันอุณหภูมิของร่างกายไม่ให้ร้อนเกินไป"
•วิธีรับมือและรักษาความปลอดภัยในสภาพอากาศร้อนจัด
- ทำให้ร่างกายเย็นลง: ใช้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลม สวมใส่เสื้อผ้าที่เบาสบายและไม่รัดรูป รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวโดยใช้ขวดสเปรย์น้ำ ฟองน้ำชุบน้ำหรืออาบน้ำเย็น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ในวันที่อากาศร้อนจัด ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอแม้จะยังไม่รู้สึกกระหาย โดยเฉพาะหากต้องอยู่กลางแจ้งหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรง
- วางแผนล่วงหน้า: ยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมไปช่วงเวลาที่อากาศเย็นที่สุด หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรืออยู่กลางแจ้งในช่วงอากาศร้อน
- ดูแลกันและกัน: แจ้งให้ครอบครัว เพื่อน และเพื่อนบ้านทราบว่าคุณปลอดภัย หรือเช็กอาการของผู้ที่เสี่ยงต่อความร้อนจัดและอาจต้องการความช่วยเหลือ
- ติดตามพยากรณ์อากาศ: ตรวจสอบการพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนคลื่นความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยาผ่านเว็บไซต์หรือแอปฯ และสมัครรับการแจ้งเตือนด้านสุขภาพเกี่ยวกับคลื่นความร้อนจากกระทรวงสาธารณสุข
การรักษาความปลอดภัยในสภาพอากาศร้อนจัด
• ป้องกันปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความร้อนโดยทำให้ร่างกายเย็นและดื่มน้ำให้เพียงพอในช่วงอากาศร้อน วางแผนล่วงหน้าและดูแลกันและกัน
•ทำให้ร่างกายเย็น
-ใช้เครื่องปรับอากาศหากมี และลดค่าไฟโดยใช้พัดลมร่วมกับการตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 26-27˚C
-พัดลมไฟฟ้าช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงได้หากอุณหภูมิภายในบ้านต่ำกว่า 39-40˚C
-ทำให้ผิวชุ่มชื้นโดยใช้ขวดสเปรย์น้ำหรือฟองน้ำชุบน้ำ
-ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นพันรอบศีรษะอย่างหลวม ๆ
-อาบน้ำเย็นหรือล้างเท้าด้วยน้ำเย็น
-ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นห่อก้อนน้ำแข็งแล้ววางไว้รอบคอ
-สวมเสื้อผ้าที่เบาและไม่รัดรูป
-พิจารณาไปยังสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ เช่น ศูนย์การค้าหรือห้องสมุดสาธารณะ
-ใช้ม่านหรือผ้าม่านบังแดดไม่ให้ส่องผ่านหน้าต่างโดยตรง
-เปิดหน้าต่างและประตูหากคิดว่าอุณหภูมิภายในบ้านร้อนกว่าภายนอก
•ดื่มน้ำให้เพียงพอ
-ในช่วงอากาศร้อนจัด ควรดื่มน้ำก่อนจะรู้สึกกระหาย โดยเฉพาะหากอยู่กลางแจ้งหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรง
หากแพทย์กำหนดให้จำกัดปริมาณน้ำที่ดื่ม ควรปรึกษาว่าควรดื่มน้ำเท่าใดในช่วงอากาศร้อน
-ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ควรพกขวดน้ำติดตัว
-สังเกตสัญญาณของภาวะขาดน้ำ เช่น กระหายน้ำ เวียนศีรษะ ปากแห้ง อ่อนเพลีย ปัสสาวะสีเข้มและมีกลิ่นแรง หรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
•วางแผนล่วงหน้า
-เลื่อนหรือยกเลิกกิจกรรมที่ไม่จำเป็นในช่วงอากาศร้อนจัด
-วางแผนทำกิจกรรมที่จำเป็นในช่วงเวลาที่อากาศเย็นที่สุด หากต้องออกไปข้างนอก ควรพกขวดน้ำ หาที่ร่ม และสวมหมวกกับครีมกันแดด
-ติดตามพยากรณ์อากาศและคำเตือนเรื่องคลื่นความร้อนทางโทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ หรือแอปฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และสมัครรับการแจ้งเตือนด้านสุขภาพเกี่ยวกับคลื่นความร้อนจากกระทรวงสาธารณสุข
-เตรียมอาหาร น้ำดื่ม และยาสำรองให้เพียงพอเพื่อลดความจำเป็นในการออกจากบ้าน
-ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาหารและยาถูกเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม
-ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนยาที่ใช้ในช่วงอากาศร้อนจัด
-ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศทำงานได้ดี และหากจำเป็น ควรให้ช่างซ่อมบำรุง
-ไฟฟ้าอาจดับในช่วงอากาศร้อนจัด ควรเตรียมไฟฉาย วิทยุที่ใช้แบตเตอรี่ โทรศัพท์มือถือที่ชาร์จเต็ม หรือแบตเตอรี่สำรอง อาหารที่ไม่ต้องแช่เย็น ยา และน้ำดื่มให้เพียงพอ และเตรียมกล่องเก็บความเย็นสำหรับแช่น้ำแข็งหรือแผ่นความเย็นพร้อมยา
-พิจารณาปรับปรุงบ้านให้เย็นขึ้น เช่น ติดฉนวนกันความร้อน กระจกสะท้อนแสง หลังคาและหน้าต่างกันความร้อน หรือปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงารอบบ้าน
•การทำงานหรือออกกำลังกายกลางแจ้งในสภาพอากาศร้อนจัด
การทำงานและออกกำลังกายในอากาศร้อนเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความร้อน สำหรับผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งในช่วงอากาศร้อน:
-หากเป็นไปได้ ควรยกเลิกหรือลดกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องใช้แรงมาก หรือเลื่อนออกไปทำในวันที่อากาศเย็นกว่า
-วางแผนทำกิจกรรมที่จำเป็นในช่วงเวลาที่อากาศเย็นที่สุดของวัน
-ควรพักบ่อยขึ้นและพักนานขึ้นเมื่อทำได้ โดยหาสถานที่ร่มรื่นหรือที่ที่มีลมพัดผ่านเพื่อช่วยระบายความร้อน
-หากมี พัดลมไอน้ำสามารถช่วยลดอุณหภูมิและทำให้ร่างกายเย็นลง
-ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยทั่วไปควรดื่มน้ำอย่างน้อย 0.5 ลิตร ภายใน 2 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย และระหว่างออกกำลังกายควรดื่มประมาณ 200 มล. ทุกๆ 20 นาที






















