ธุรกิจในสหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากการตอบโต้การขึ้นภาษีจากแคนาดา
สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐรายงานว่าในปี 2024 สหรัฐส่งออกสินค้าไปยังแคนาดาเป็นมูลค่า 349.4 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้แคนาดากลายเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
หากการคว่ำบาตรสินค้าของสหรัฐในแคนาดาได้รับแรงหนุนจากประชาชนอย่างมีนัยยะสำคัญอาจส่งผลเสียต่อธุรกิจในสหรัฐและอาจส่งผลให้ต้องพิจารณาทบทวนแนวทางที่ก้าวร้าวของรัฐบาลสหรัฐชุดปัจจุบัน
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญออกมาระบุว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจนหรือมีแนวโน้มว่าจะคงอยู่เพียงระยะสั้นๆ ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆชี้ให้เห็นถึงหลักฐานของการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคที่แพร่หลายมากขึ้นและกล่าวว่าการคว่ำบาตรสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของชาวแคนาดาที่มีต่อสหรัฐนับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของแคนาดารวมถึงตัวนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ประกาศมาตรการตอบโต้ภาษีจากสหรัฐโดยเรียกร้องให้ชาวแคนาดาซื้อสินค้าจากแคนาดามากขึ้นโดยทางนายกรัฐมนตรีระบุต่อชาวแคนาดาว่า
ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเลือกแคนาดา มีหลายวิธีที่คุณจะมีส่วนร่วมได้ อาจเป็นการตรวจสอบฉลากในซุปเปอร์มาร์เก็ตและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในแคนาดาอาจหมายถึงการเลือก ไรย์ ของแคนาดาแทน เบอร์เบิน ที่มาจากสหรัฐ หรือยุติการซื้อน้ำส้มที่ นำเข้าจากรัฐฟลอริดา  หรืออาจหมายถึงการเปลี่ยนแผนวันหยุดพักร้อนฤดูร้อนของคุณมาอยู่ที่นี่ในแคนาดา
แน่นอนถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอย่าง ทรูโด จะมีคะแนนความนิยมจากชาวแคนาดาที่ตกต่ำอย่างมากแต่ในเรื่องภัยคุกคามด้านภาษีจากสหรัฐเป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวแคนาดาแสดงความเห็นด้วยและสนใจข้อเสนอของ ทรูโด 
จากผลสำรวจชาวแคนาดา 3310 คนโดย สถาบัน Angus Reid ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2025 พบว่า 85% ของชาวแคนาดาวางแผนที่จะเปลี่ยนสินค้าจากสหรัฐ มาเป็นสินค้าที่ผลิตในแคนาดา
นอกจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายของชาวแคนาดาแล้วชาวแคนาดายังได้ลดการเดินทางไปสหรัฐ  รวมถึงทางชายแดนสหรัฐด้วย ขณะที่จำนวนยานพาหนะ ใกล้ชายแดนสหรัฐลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ตามข้อมูลของ Whatcom Council of Governments
ยังไม่มีการประกาศคว่ำบาตรจากทางรัฐบาลแคนาดาต่อรัฐบาลสหรัฐอย่างเป็นทางการแต่ข้อมูลจากหน่วยงานสถิติแห่งชาติแคนาดาพบว่า
จำนวนชาวแคนาดาที่เดินทางกลับบ้านจากการเดินทางไปสหรัฐลดลงครั้งแรกในเดือนมกราคม แต่อย่างไรก็ตามการลดลดลงอยู่เพียงแค่ 0.9% เท่านั้น และมีแนวโน้มที่จะเยอะกว่านี้หากความสัมพันธ์ยังคงตึงเครียด
Flight Centre ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา เปิดเผยกับ Forbes ว่าบริษัทพบว่ามี ลูกค้าจำนวนมากที่ยกเลิกการท่องเที่ยวไปยังสหรัฐอเมริกา
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ สมาคมการท่องเที่ยวแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่เป็นตัวแทนของภาคการท่องเที่ยวของประเทศได้ออกมาเตือนว่าแม้จำนวนชาวแคนาดาที่เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาจะลดลงเพียงร้อยละ 10 ก็อาจส่งผลให้สูญเสียรายจ่ายถึง 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสูญเสียตำแหน่งงานถึง 14,000 ตำแหน่ง
สมาคมฯ กล่าวว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบสำคัญที่สุดต่อรัฐที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม เช่น ฟลอริดา แคลิฟอร์เนีย เนวาดา นิวยอร์ก และเท็กซัส
ลาน่า เพย์น ประธานสหภาพแรงงานภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดาอย่างยูนิฟอร์ กล่าวกับนิตยสารนิวส์วีคว่า
มีการแสดงความโกรธแค้นอย่างชัดเจนต่อภัยคุกคามด้านภาษีศุลกากรและการคุกคามอำนาจอธิปไตยของเรา โดยกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าแคนาดาควรเป็นรัฐที่ 51 ชาวแคนาดากำลังร่วมมือกันและต่อสู้เพื่อตอบโต้ด้วยวิธีที่ทำได้ และวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนั้นคือการสนับสนุนการซื้อสินค้าที่ผลิตในแคนาดา
การเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดพักผ่อนทางเลือกและการสนับสนุนผู้ผลิตชาวแคนาดาจะ คงอยู่ต่อไปไม่ว่าผลลัพธ์ของข้อพิพาทด้านภาษีศุลกากรจะเป็นอย่างไรแต่การคว่ำบาตรสินค้าของอเมริกาจะขึ้นอยู่กับการดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐฯ
หากประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงดำเนินการขึ้นภาษี แคนาดาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการตอบโต้ และคนที่ทำงานทั้งสองฝั่งของชายแดนจะต้องจ่ายราคา
ปูโจลัส ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากแผนกเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย McMaster บอกกับนิตยสาร Newsweek ว่า
ขณะนี้ยากที่จะบอกได้ว่าการคว่ำบาตรจะมีผลกระทบอย่างไร และ นี่อาจเป็นเพียงการตั้งสมมติฐานมากกว่าจะเกิดขึ้นจริง
ในยุคปัจจุบัน แคนาดาไม่เคยเผชิญกับภัยคุกคามจากการขยายตัวของสหรัฐฯ หรือประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการใช้ภาษีศุลกากรเพื่อเก็บภาษีกับสิ่งใดก็ตามที่เขาคิด
แมคลาร์นีย์ ประธานของ HARDLINES กล่าวกับNewsweek ว่า
ภัยคุกคามของภาษีศุลกากรจากพันธมิตรประวัติศาสตร์รายหนึ่งของแคนาดาถือเป็น การละเมิดความไว้วางใจครั้งใหญ่ที่ไม่สามารถรักษาได้ในเร็วๆ นี้และคำพูดของทรัมป์เกี่ยวกับการทำให้ประเทศเป็นรัฐที่ 51 "ทำร้ายจิตใจชาวแคนาดาไม่ต่างจากภาษีศุลกากรที่ส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของเรา
การกระทำทั้งหมดนี้ถือเป็นการเตือนใจชาวแคนาดาให้ประเมินความร่วมมือทางการค้าของตนอีกครั้ง และอย่าพึ่งพาพันธมิตรรายใดรายหนึ่งมากเกินไป
แมคลาร์นีย์สงสัยว่าการกระตุ้นทางการเงินต่ออุตสาหกรรมในประเทศอันเนื่องมาจากการคว่ำบาตรสหรัฐฯ นั้นจะเป็นเพียงชั่วคราว แต่แบรนด์ของแคนาดาจำนวนมากจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทัศนคตินี้ สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการเดินทางไปสหรัฐฯ
ชาร์เลบัวส์ ศาสตราจารย์ด้านนโยบายการจัดจำหน่ายอาหารและผู้อำนวยการอาวุโสของ Agri-Food Analytics Lab ที่ Dalhousie University กล่าวว่า
ข้อมูลตลาดชี้ให้เห็นว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ของแคนาดาในร้านขายของชำเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเขาอธิบายว่า เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่ไม่ได้มากมายอะไร
ในระยะนี้ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าผู้ผลิตในสหรัฐฯ เผชิญกับความตึงเครียดทางการเงินอย่างมากจากการตอบสนองของผู้บริโภคชาวแคนาดา หากการเปลี่ยนแปลงนี้ยังคงดำเนินต่อไปและเพิ่มมากขึ้น อาจเริ่มปรากฏในข้อมูลการส่งออก แต่ในขณะนี้ เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ มีความยืดหยุ่น และประชากรของแคนาดามีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในอเมริกาเท่านั้น



