เข้าหน้าร้อนแล้ว ไม่ล้างแอร์นาน เสี่ยงเกิดโรคปอดอักเสบ
แอร์สกปรก ภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าร้อน เครื่องปรับอากาศกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่รู้หรือไม่ว่า หากไม่ทำความสะอาดแอร์เป็นเวลานาน เชื้อโรคและฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ในเครื่องปรับอากาศอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราต่าง ๆ ที่แพร่กระจายผ่านลมเย็น
การสะสมของเชื้อโรคในแอร์
เครื่องปรับอากาศเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรียจำนวนมาก เนื่องจากอากาศภายในแอร์มีความชื้นสูง ทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค เช่น:
- เชื้อแบคทีเรียเลจิโอเนลลา (Legionella pneumophila) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบจากแอร์ หรือ "Legionnaires' disease" เชื้อแบคทีเรีย เลจิโอเนลลา (Legionella) เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบที่เรียกว่า โรคลีเจียนแนร์ (Legionnaires’ disease) ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านละอองน้ำที่ปนเปื้อนจากแหล่งน้ำหรือระบบปรับอากาศ เช่น แอร์ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดเป็นเวลานาน
- เชื้อรา (Fungi) เช่น Aspergillus และ Cladosporium ที่อาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจ
- ไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้และหอบหืด
เชื้อโรคที่ออกมากับลมเย็นจากแอร์
ลมเย็นที่พัดออกจากเครื่องปรับอากาศไม่ได้เป็นเพียงอากาศที่เย็นสบายเท่านั้น แต่ยังอาจปะปนไปด้วยเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เช่น:
- สปอร์เชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศ
- ไวรัสที่สามารถกระจายตัวได้ในสภาพอากาศชื้น
- ฝุ่นละอองที่สะสมจากแผ่นกรองอากาศ
ปัญหาที่ต้องระวังกับเด็กหากแอร์ไม่สะอาด
เด็กเล็กมีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรง หากแอร์สกปรกและมีเชื้อโรคสะสม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก เช่น:
- การติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อยครั้ง
- อาการหอบหืดและโรคภูมิแพ้
- ไข้หวัดและโรคปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
แอร์ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดเป็นเวลานานสามารถกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ฝุ่นละออง และสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กได้อย่างมาก เด็กเป็นกลุ่มที่มีระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้มีความไวต่อสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในแอร์มากกว่าผู้ใหญ่ การสูดอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำอาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและโรคภูมิแพ้ได้ง่าย
เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่สะสมในแอร์สามารถแพร่กระจายออกมากับลมเย็น ทำให้เด็กมีอาการไอ จาม คัดจมูก หรือเป็นไข้บ่อยๆ บางกรณีอาจรุนแรงจนถึงขั้นเป็นโรคปอดอักเสบ นอกจากนี้ ฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ที่สะสมในระบบกรองอากาศของแอร์สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดในเด็กที่มีประวัติภูมิแพ้ หรือทำให้เด็กที่ไม่เคยมีอาการมาก่อนเริ่มแสดงอาการของโรคหอบหืดขึ้นมาได้
เด็กเล็กที่ใช้ชีวิตในห้องที่มีแอร์สกปรกเป็นเวลานานอาจมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่แพร่กระจายออกจากแอร์ที่ไม่ได้รับการดูแล น้ำที่ขังอยู่ในถาดรองน้ำของแอร์เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคได้ดี โดยเฉพาะเชื้อเลจิโอเนลลา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคลีเจียนแนร์ โรคปอดอักเสบรุนแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
นอกจากนี้ อุณหภูมิที่เย็นเกินไปจากการเปิดแอร์อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการทำความสะอาดหรือการระบายอากาศที่เหมาะสม อาจทำให้เด็กเกิดภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เด็กที่นอนในห้องแอร์ที่ไม่ได้รับการดูแลมักจะตื่นมาพร้อมกับอาการคัดจมูก แสบคอ หรือไอแห้ง เนื่องจากอากาศที่หมุนเวียนภายในห้องอาจมีเชื้อโรคและฝุ่นละอองปะปนอยู่
ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากแอร์ที่ไม่สะอาดสามารถป้องกันได้โดยการทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอ ล้างแผ่นกรองฝุ่นเป็นประจำเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค และควบคุมความชื้นภายในห้องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศเป็นครั้งคราวก็ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคภายในห้องแอร์ได้ดี การดูแลแอร์ให้สะอาดไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาสุขภาพของเด็ก แต่ยังช่วยให้เด็กสามารถนอนหลับได้สนิทขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรังในระยะยาว
วิธีดูแลแอร์และห้องที่ติดตั้งแอร์ไม่ให้เกิดการสะสมเชื้อโรค
เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคในเครื่องปรับอากาศ ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้:
- ล้างแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์ เพื่อกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรก
- ทำความสะอาดคอยล์เย็นทุก 6 เดือน เพื่อลดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
- ใช้เครื่องฟอกอากาศร่วมกับแอร์ เพื่อช่วยกรองเชื้อโรคในอากาศ
- เปิดหน้าต่างระบายอากาศเป็นระยะ เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดความชื้นสะสมในห้อง
งานวิจัยเกี่ยวกับแอร์ที่คนไม่ทราบ
มีงานวิจัยหลายฉบับที่ยืนยันว่าแอร์ที่ไม่ได้ทำความสะอาดสามารถเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคได้ ตัวอย่างเช่น:
- งานวิจัยจาก Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ระบุว่า เชื้อเลจิโอเนลลา สามารถแพร่กระจายผ่านระบบปรับอากาศที่ไม่ได้รับการดูแล และเป็นสาเหตุของโรค Legionnaires' disease
- งานวิจัยใน Environmental Health Perspectives พบว่า การใช้เครื่องปรับอากาศที่มีเชื้อราและฝุ่นสะสม อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจ
เคสตัวอย่างในไทย หญิงวัย 88 ปีติดเชื้อแบคทีเรียจากแอร์และน้ำในคอนโด หลังปิดทิ้งไว้นาน
เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่มีบ้านหรือคอนโดที่ไม่ได้เปิดใช้งานเป็นเวลานาน เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ ได้เปิดเผยกรณีของหญิงวัย 88 ปี ที่ติดเชื้อแบคทีเรีย Legionella pneumophila ซึ่งรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ หลังจากเข้าพักในคอนโดของตัวเองที่ถูกปิดไว้นานหลายเดือน
หญิงรายนี้มีบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ แต่เดินทางไปพักที่คอนโดของตัวเองในเขาใหญ่เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ซึ่งห้องดังกล่าวไม่ได้มีคนอยู่เป็นเวลาหลายเดือน หลังจากเปิดเครื่องปรับอากาศและใช้น้ำจากฝักบัว ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้ ไอ มีเสมหะ และอ่อนเพลียภายใน 2 วัน ต่อมาอาการทรุดลงจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในปากช่อง
อาการทรุดหนักจนต้องเปลี่ยนโรงพยาบาล
ผลการเอกซเรย์ปอดพบความผิดปกติบริเวณปอดซ้ายด้านล่าง แพทย์ให้ยาปฏิชีวนะแต่ยังไม่ดีขึ้น จึงมีการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอีกแห่งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 ผลตรวจพบระดับออกซิเจนในเลือดต่ำที่ 87% และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ยืนยันว่ามีฝ้าขาวในปอด และมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด
แม้จะตรวจหาเชื้อจากเสมหะและเลือด แต่ไม่พบเชื้อวัณโรคหรือแบคทีเรียทั่วไป อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจหาแอนติบอดีของเชื้อ Legionella pneumophila กลับพบค่าบวกในระดับ 1:200 ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้
เชื้อแบคทีเรียจากแอร์และระบบน้ำ: ภัยเงียบที่มองไม่เห็น
เชื้อ Legionella pneumophila สามารถพบได้ในแหล่งน้ำทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย มักอาศัยอยู่ในระบบน้ำที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นาน เช่น ถังเก็บน้ำ ฝักบัว และระบบปรับอากาศ เมื่อมีการเปิดใช้งานหลังจากถูกปิดไว้นาน เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายในอากาศและเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ
กรณีนี้คาดว่าเชื้อน่าจะมาจากน้ำที่ค้างอยู่ในระบบท่อน้ำ หรือจากแอร์ที่ไม่ได้ทำความสะอาด เมื่อเปิดใช้งาน เชื้อกระจายออกมากับลมเย็น และถูกสูดเข้าไปโดยผู้ป่วย ซึ่งมีอายุมากและมีภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบภายในเวลาอันสั้น
แนวทางป้องกันจากเคสนี้
- ก่อนเปิดแอร์ ควรทำความสะอาดแอร์และเปลี่ยนไส้กรองก่อนเปิดใช้งาน โดยเฉพาะหากห้องถูกปิดไว้เป็นเวลานาน
- ก่อนใช้น้ำจากฝักบัว ควรเปิดน้ำทิ้งไว้สักครู่ และใช้น้ำร้อนล้างระบบท่อ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
- ทำความสะอาดถังเก็บน้ำ หมั่นล้างถังน้ำสำรอง และระบบท่อน้ำเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
- ระบายอากาศในห้อง เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทก่อนเข้าอยู่ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคในอากาศ
แม้โรคนี้จะไม่ติดต่อจากคนสู่คน แต่สามารถแพร่กระจายผ่านอากาศจากระบบปรับอากาศและน้ำที่ปนเปื้อนได้ ดังนั้น เจ้าของบ้านและคอนโดที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานควรให้ความสำคัญกับการดูแลระบบเหล่านี้ก่อนเข้าอยู่อาศัย เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
FAQ (คำถามที่พบบ่อย)
1. ต้องล้างแอร์บ่อยแค่ไหน?
ควรล้างแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์ และล้างคอยล์เย็นทุก 6 เดือน
2. แอร์สกปรกทำให้เป็นภูมิแพ้ได้จริงหรือไม่?
ใช่ แอร์ที่ไม่ได้ทำความสะอาดสามารถกระจายสารก่อภูมิแพ้และไรฝุ่น ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้
3. วิธีสังเกตว่าแอร์สกปรกเกินไป?
แอร์มีกลิ่นเหม็นอับ, ลมที่ออกมามีฝุ่น หรือมีเสียงดังผิดปกติ
4. ใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยลดเชื้อโรคจากแอร์ได้ไหม?
สามารถช่วยลดฝุ่นและเชื้อโรคในอากาศได้ แต่ไม่สามารถทดแทนการล้างแอร์ได้
5. ทำไมแอร์จึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค?
เนื่องจากภายในเครื่องปรับอากาศมีความชื้นสูง ทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย
6. อาการป่วยจากแอร์สกปรกมีอะไรบ้าง?
ไอเรื้อรัง, หอบหืดกำเริบ, ภูมิแพ้, คัดจมูก, และโรคปอดอักเสบ
7. แอร์ที่สะอาดช่วยให้สุขภาพดีขึ้นจริงไหม?
ใช่ แอร์ที่สะอาดช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ ลดการสะสมของเชื้อโรค และลดความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจ
บทความที่เกี่ยวข้อง by News Daily TH
โรคเก๊าท์ อย่าโทษไก่ รู้ไหมเนื้อแดงทำให้เป็นเก๊าท์ได้มากกว่าเนื้อไก่?
แผ่นแปะลดไข้ ที่ไม่ได้ช่วยลดไข้!





















