ตำนานพีกมัลลิออนกับกาลาเทีย (Pygmalion and Galatea)
พีกมัลลิออนกับกาลาเทีย (Pygmalion and Galatea)
บทที่ 1: ศิลปินแห่งไซปรัส
เสียงสิ่วกระทบหินอ่อนดังเป็นจังหวะ ก้องไปทั่วเวิร์กชอปของ พีกมัลลิออน ศิลปินผู้โด่งดังแห่งไซปรัส เขาเป็นชายหนุ่มผู้ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานศิลป์ มือของเขาแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยร่องรอยจากการทำงานหนัก แต่สัมผัสของเขากลับอ่อนโยนดั่งศิลปินผู้สร้างสรรค์สิ่งงดงาม
ห้องทำงานของเขาเต็มไปด้วยประติมากรรมอันงดงาม รูปปั้นเทพเจ้า วีรบุรุษ และสตรีงามประดับอยู่ทั่วทุกมุม แต่ไม่มีผลงานใดที่เขารู้สึกภาคภูมิใจมากไปกว่าผลงานล่าสุดของเขา—รูปปั้นสตรีที่งามที่สุดที่เขาเคยแกะสลักมา กาลาเทีย
พีกมัลลิออนมองดูรูปปั้นด้วยสายตาหลงใหล นิ้วมือของเขาไล้ไปตามเรียวแขนของนางราวกับว่าหินอ่อนเย็นเฉียบจะสามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเขา ผิวของนางเรียบเนียนเสมือนมีชีวิต ดวงตาที่เขาแกะสลักดูอ่อนโยนและเต็มไปด้วยเสน่ห์ แม้แต่น้ำหนักของรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากของนางยังให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาเกินกว่าหินอ่อนทั่วไป
“เจ้าช่างงดงาม...” พีกมัลลิออนกระซิบเบา ๆ
ทุกค่ำคืน เขาจะใช้เวลาอยู่กับกาลาเทีย พูดคุยกับนางราวกับว่านางมีชีวิต นำดอกไม้มาวางแทบเท้านาง ห่มผ้าคลุมให้นางเพื่อป้องกันความหนาวเย็นที่เขารู้ดีว่าหินอ่อนหาได้รับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้ไม่ แต่ในหัวใจของเขา นางไม่ใช่เพียงหินอ่อน นางคือหญิงที่เขารักสุดหัวใจ
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์จะรักรูปปั้นที่ไร้ชีวิต?
บทที่ 2: คำขอถึงเทพีแห่งความรัก
วันหนึ่ง เทศกาลแห่งอโฟรไดที เทพีแห่งความรัก ได้มาถึง เมืองไซปรัสเต็มไปด้วยเสียงสวดมนต์และกลิ่นเครื่องหอมที่ลอยคลุ้งไปทั่ว บรรดาสตรีแต่งกายงดงามมารวมตัวกันที่วิหารเพื่อถวายดอกไม้แด่เทพี พีกมัลลิออนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มาสักการะ
ขณะที่ผู้คนขอพรเกี่ยวกับความรักและความสุขในชีวิตคู่ พีกมัลลิออนยืนอยู่หน้าแท่นบูชา ดวงตาของเขาจ้องมองรูปปั้นของอโฟรไดที หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวังที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้
ในที่สุด เขาก็คุกเข่าลง และกระซิบคำอธิษฐาน
“ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดไปมากกว่าความรัก...” เขากล่าวเบา ๆ “แต่หญิงที่ข้ารักไม่ได้เป็นมนุษย์ นางคือผลงานจากมือของข้าเอง ข้าอาจบ้าไปแล้ว แต่นางคือสิ่งเดียวที่ข้าโหยหา... หากเป็นไปได้ ขอให้นางมีชีวิต ขอให้ข้าได้รักและได้รับความรักตอบจากนาง...”
เขาหลับตาลง หัวใจของเขาสั่นไหว ความเงียบปกคลุมรอบตัว แต่สายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านทำให้เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่แตกต่างออกไป
เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าคำขอของเขาได้รับการสดับฟังแล้ว และโชคชะตาของเขากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...
บทที่ 3: ปาฏิหาริย์แห่งอโฟรไดที
หลังจากวันเทศกาลแห่งอโฟรไดที พีกมัลลิออนกลับมาที่เวิร์กชอปของเขาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขายังคงรู้สึกถึงแรงศรัทธาและคำขอพรของเขาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวัง แม้ในใจลึก ๆ เขารู้ว่าสิ่งที่เขาปรารถนานั้นเป็นไปไม่ได้
เขายืนอยู่เบื้องหน้ารูปปั้นของกาลาเทีย ดวงตาของเขาไล้ไปตามโครงหน้าของนางอย่างอ่อนโยน หัวใจของเขาสั่นไหวเมื่อนึกถึงคำอธิษฐานของตนเอง เขายกมือขึ้นแตะเรียวแก้มของรูปปั้น ความเย็นของหินอ่อนยังคงเดิม แต่แล้ว...
บางสิ่งเปลี่ยนไป...
ปลายนิ้วของเขารับรู้ได้ถึงสัมผัสที่แตกต่าง ความแข็งกระด้างของหินเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนนุ่ม ราวกับว่าหินอ่อนกำลังถูกปลุกให้มีชีวิต! พีกมัลลิออนผงะถอยหลัง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
“เป็นไปไม่ได้...” เขากระซิบเสียงสั่น
กาลาเทียค่อย ๆ ขยับ ดวงตาที่เคยเป็นเพียงผลงานแกะสลักบัดนี้มีชีวิตชีวา นางกระพริบตาอย่างเชื่องช้า และเมื่อริมฝีปากของนางเผยอขึ้น เสียงลมหายใจแผ่วเบาก็ดังขึ้นในห้องที่เงียบสงัด
พีกมัลลิออนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางมีชีวิต!
เขาค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ มือของเขาสั่นเล็กน้อยขณะยื่นออกไปสัมผัสเรียวแขนของนาง และเมื่อเขาสัมผัส นางก็มองขึ้นมาที่เขา ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความงุนงงและอ่อนโยน
“ท่านคือใคร...” กาลาเทียเอ่ยเสียงแผ่วเบา
เสียงของนางช่างงดงามยิ่งกว่าท่วงทำนองใด ๆ ที่เขาเคยได้ยิน พีกมัลลิออนรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป แต่หัวใจของเขาเต้นแรงจนยืนยันได้ว่านี่คือความจริง
“ข้า...” เขาพูดไม่ออก มือของเขายังคงจับมือนางไว้แน่น “ข้าคือพีกมัลลิออน ข้าเป็นผู้สร้างเจ้า”
กาลาเทียจ้องมองเขา ดวงตาของนางฉายแววสับสน แต่ไม่หวาดกลัว นางมองสำรวจร่างกายของตนเองอย่างประหลาดใจ นิ้วมือของนางแตะไปตามผิวของตนเองราวกับไม่แน่ใจว่าตัวนางมีอยู่จริง
“ข้า... ข้ามีชีวิตหรือ?” นางถาม
พีกมัลลิออนยิ้มกว้าง น้ำตาคลอเบ้า เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ มือของเขากุมมือนางไว้แน่น “ใช่ เจ้าคือปาฏิหาริย์ เจ้าคือพรจากอโฟรไดที”
กาลาเทียมองเขาด้วยความอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือแตะแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา “ท่านให้ชีวิตแก่ข้า... ข้าควรขอบคุณท่านหรือไม่?”
พีกมัลลิออนหัวเราะเบา ๆ เขาสัมผัสมือของนางอย่างทะนุถนอม “ไม่ กาลาเทีย ข้าต้องเป็นผู้ขอบคุณเจ้า ที่มาเติมเต็มชีวิตของข้า”
บทที่ 4: การเรียนรู้ของกาลาเทีย
กาลาเทียค่อย ๆ ก้าวเดินไปรอบห้อง ศึกษาทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวนางด้วยสายตาแห่งความพิศวง นางสัมผัสโต๊ะไม้ แกะลูบไล้ผ้าคลุมเตียง และยื่นมือไปรับแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างออกไป
“นี่คือความรู้สึกของการมีชีวิต...” นางกระซิบ
พีกมัลลิออนเฝ้ามองนางด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เขาเต็มไปด้วยความยินดีที่ได้เห็นนางเคลื่อนไหวและสัมผัสโลกที่เขาอยู่มาตลอดชีวิต ความสุขของเขาไม่อาจพรรณนาได้
“เจ้าชอบหรือไม่?” เขาถามอย่างอ่อนโยน
กาลาเทียหันมามองเขา นางยิ้มบาง ๆ “ข้ารู้สึก... อัศจรรย์”
พีกมัลลิออนหัวเราะเบา ๆ และเดินเข้ามาใกล้ “มีอะไรที่เจ้าอยากรู้หรือไม่?”
กาลาเทียพยักหน้า “ทุกสิ่ง ข้าอยากรู้เกี่ยวกับโลกนี้ อาหารคืออะไร? ดอกไม้หอมได้อย่างไร? ท้องฟ้ามีที่สิ้นสุดหรือไม่?”
พีกมัลลิออนหัวเราะด้วยความเอ็นดู เขาหยิบผลทับทิมลูกหนึ่งจากโต๊ะแล้วยื่นให้นาง “นี่คืออาหาร มันให้พลังงานแก่ร่างกาย และมีรสชาติที่แตกต่างกันไป”
กาลาเทียรับผลไม้มาและมองมันด้วยความสงสัย นางค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเปลือกแข็งก่อนจะลองกัดคำเล็ก ๆ รสหวานอมเปรี้ยวของทับทิมกระจายอยู่ในปากของนาง ดวงตาของนางเบิกกว้าง
“ข้ามิเคยลิ้มรสสิ่งใดมาก่อน” นางกระซิบ “มันมหัศจรรย์ยิ่งนัก”
พีกมัลลิออนยิ้มและพยักหน้า “มีอีกมากที่เจ้าจะได้ค้นพบ”
จากนั้นเขาพานางออกไปนอกบ้าน สู่สวนดอกไม้ที่เขาปลูกไว้ กาลาเทียเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ มองดูสีสันของดอกไม้ที่บานสะพรั่ง นางสูดกลิ่นหอมจากกุหลาบและแตะสัมผัสกลีบอ่อนโยนด้วยความหลงใหล
“พวกมันมีชีวิตเช่นกันหรือ?” นางถาม
“ใช่ พวกมันเติบโตจากดิน ดูดซับแสงแดดและน้ำ และบางครั้งก็เหี่ยวเฉาเมื่อถึงเวลาของมัน”
กาลาเทียมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วข้าเล่า? ข้าจะเหี่ยวเฉาเช่นกันหรือ?”
พีกมัลลิออนนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ไม่ เจ้าจะคงอยู่ตราบที่เจ้ายังต้องการจะมีชีวิต”
กาลาเทียพยักหน้าช้า ๆ และมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ความรู้สึกใหม่ ๆ หลากหลายกำลังเกิดขึ้นในใจของนาง โลกที่เคยเป็นเพียงความเงียบงันบัดนี้เต็มไปด้วยเสียง สี และสัมผัสที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ข้าต้องเรียนรู้อีกมาก” นางกล่าวเบา ๆ
“ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ” พีกมัลลิออนเอ่ยขึ้น มือของเขาจับมือนางแน่นราวกับให้คำมั่นสัญญา
บทที่ 5: โลกที่กว้างใหญ่
หลังจากวันแรกที่กาลาเทียได้สัมผัสโลกมนุษย์ นางเริ่มตื่นเต้นกับทุกสิ่งรอบตัวมากขึ้น นางตั้งคำถามกับทุกอย่างและอยากรู้จักโลกให้มากขึ้นกว่านี้ พีกมัลลิออนพานางเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา เพื่อให้กาลาเทียได้เห็นชีวิตของผู้คนจริง ๆ
เมื่อพวกเขาเดินผ่านตลาดกลางเมือง เสียงของพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้า กลิ่นของขนมปังอบใหม่ลอยมาแตะจมูก กาลาเทียมองรอบตัวด้วยแววตาหลงใหล นางไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อน ผู้คนเดินกันขวักไขว่ หัวเราะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนสินค้ากัน
“ทั้งหมดนี้คือ... โลกมนุษย์?” กาลาเทียเอ่ยถาม
“ใช่ นี่คือชีวิตที่เป็นจริง” พีกมัลลิออนตอบพลางจับมือนางไว้
กาลาเทียยิ้ม นางเดินไปใกล้แผงขายผลไม้ หยิบแอปเปิลขึ้นมาพิจารณาอย่างพินิจพิเคราะห์ “นี่คือสิ่งที่ข้าชิมได้ใช่หรือไม่?”
พีกมัลลิออนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะจ่ายเงินให้พ่อค้า “ใช่ เจ้าสามารถลองได้”
นางกัดแอปเปิลเบา ๆ รสชาติหวานฉ่ำทำให้นางเบิกตากว้าง “มันอัศจรรย์นัก!”
พ่อค้าหัวเราะขณะมองดูหญิงสาวที่ดูราวกับเพิ่งค้นพบสิ่งวิเศษของโลกใบนี้
พวกเขาเดินต่อไปในตลาด กาลาเทียมองเห็นเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นกันอยู่กลางลาน หัวเราะอย่างร่าเริง นางหันไปหาพีกมัลลิออน “ข้าก็เคยเป็นเด็กมาก่อนหรือ?”
พีกมัลลิออนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าไม่ได้เกิดมาเหมือนมนุษย์ทั่วไป เจ้าไม่ได้มีวัยเด็กเหมือนพวกเขา”
“แล้วข้าคืออะไร?” กาลาเทียถามเสียงเบา
พีกมัลลิออนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นแตะแก้มนางอย่างแผ่วเบา “เจ้าเป็นกาลาเทีย เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในชีวิตของข้า”
กาลาเทียจ้องมองเขา นางรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากคำพูดของเขา นางอาจไม่มีอดีตเหมือนมนุษย์คนอื่น แต่บัดนี้ นางมีชีวิต และนางสามารถเลือกทางเดินของตนเองได้
บทที่ 6: ความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัส
หลังจากวันที่กาลาเทียได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในเมือง นางเริ่มเข้าใจความหลากหลายของโลกมนุษย์มากขึ้น นางรู้จักรสชาติของอาหาร ความอบอุ่นจากแสงแดด และเสียงหัวเราะของผู้คน แต่สิ่งหนึ่งที่นางยังไม่เข้าใจคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจของตนเอง
คืนหนึ่ง กาลาเทียนั่งอยู่ริมหน้าต่างในบ้านของพีกมัลลิออน นางมองดูดวงจันทร์ที่ส่องแสงนวลบนท้องฟ้า เสียงลมพัดผ่านราวกับกระซิบบางสิ่งกับนาง นางสัมผัสหน้าอกของตนเอง ตรงที่หัวใจของมนุษย์เต้นอยู่ แม้ว่านางจะมีชีวิต แต่นางก็ยังคงรู้สึกแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป
พีกมัลลิออนเดินเข้ามาและเห็นนางกำลังเหม่อลอย เขายิ้มและนั่งลงข้าง ๆ นาง “เจ้าคิดอะไรอยู่?”
กาลาเทียหันมามองเขา “ข้าไม่แน่ใจ... ข้ารู้สึกได้ถึงบางสิ่งในตัวข้า แต่ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร”
พีกมัลลิออนมองนางอย่างอ่อนโยน “บางที นั่นอาจเป็นอารมณ์ ความรู้สึกที่เจ้ากำลังเรียนรู้”
นางนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “เมื่อข้าอยู่ใกล้ท่าน ข้ารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย... เมื่อท่านยิ้ม ข้าก็อยากยิ้มตาม แต่เมื่อข้าไม่เห็นท่าน ข้ากลับรู้สึกเหมือนบางสิ่งขาดหายไป”
พีกมัลลิออนรู้สึกถึงหัวใจของตนเองที่เต้นแรงขึ้น เขายิ้มบาง ๆ และจับมือนางไว้ “นั่นคือความรัก กาลาเทีย”
กาลาเทียเบิกตากว้าง “ความรัก...” นางกระซิบเบา ๆ
พีกมัลลิออนพยักหน้า “ความรักคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีชีวิต ไม่ใช่แค่ร่างกายที่เคลื่อนไหว แต่เป็นหัวใจที่รู้สึก”
กาลาเทียยิ้ม ดวงตาของนางเปล่งประกายราวกับเพิ่งเข้าใจสิ่งที่ขาดหายไป นางเอื้อมมือแตะมือของพีกมัลลิออนเบา ๆ “เช่นนั้น ข้าก็มีชีวิตจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
พีกมัลลิออนพยักหน้า “ใช่ และเจ้าไม่ใช่เพียงแค่รูปปั้นอีกต่อไป เจ้าเป็นหญิงที่ข้ารัก”
กาลาเทียยิ้มกว้างขึ้น นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง เป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่นางแน่ใจแล้วว่ามันคือสิ่งที่นางต้องการจะรักษาไว้ตลอดไป
บทที่ 7: การทดสอบแห่งมนุษย์
แม้ว่ากาลาเทียจะเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์มากขึ้น แต่นางยังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ชีวิต’ นางเริ่มออกเดินสำรวจเมืองด้วยตนเอง พีกมัลลิออนสนับสนุนให้นางได้พบเจอสิ่งใหม่ ๆ แต่หัวใจของเขายังคงกังวลว่านางอาจพบกับอุปสรรคที่เกินกว่าจะรับมือได้
วันหนึ่ง ขณะที่กาลาเทียเดินอยู่ในตลาด นางได้พบกับหญิงชราในชุดมอซอซึ่งกำลังถือถังน้ำหนักมาก นางดูอิดโรยและกำลังจะล้มลง กาลาเทียรีบเข้าไปช่วยทันที
“ท่านต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?” นางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หญิงชราเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความซาบซึ้ง “ข้าจะขอบคุณเจ้ามาก หากเจ้าช่วยพยุงข้ากลับไปที่บ้าน”
กาลาเทียรับถังน้ำมาถือเอง น้ำหนักของมันมากกว่าที่นางคาดคิด แต่ด้วยความตั้งใจ นางก็ก้าวเดินไปพร้อมกับหญิงชรา ระหว่างทาง หญิงชราได้เล่าเรื่องราวชีวิตของนาง นางสูญเสียครอบครัว ต้องอยู่ตามลำพัง และต้องทำงานหนักเพื่อเอาชีวิตรอด
เมื่อเดินมาถึงกระท่อมเล็ก ๆ ของหญิงชรา กาลาเทียวางถังน้ำลงและยิ้มให้ “ท่านต้องดูแลตัวเองนะ”
หญิงชรามองนางด้วยแววตาอบอุ่นและเอื้อมมือมาจับมือของกาลาเทีย “เจ้าช่างมีจิตใจดีเหลือเกิน ขอให้เทพีอโฟรไดทีคุ้มครองเจ้า”
กาลาเทียกลับไปหาพีกมัลลิออนและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง นางถามเขาว่า “นี่คือสิ่งที่มนุษย์ทำใช่หรือไม่? การช่วยเหลือกันและกัน”
พีกมัลลิออนพยักหน้า “ใช่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีค่า ไม่ใช่เพียงแค่ความรัก แต่เป็นการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน”
กาลาเทียยิ้มและกล่าว “ข้ารู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ข้ารู้สึก... เป็นมนุษย์อย่างแท้จริง”
พีกมัลลิออนมองนางด้วยความภาคภูมิใจ นางไม่ได้เป็นเพียงรูปปั้นที่มีชีวิตอีกต่อไป นางกำลังเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง
บทที่ 8: ความอิจฉาและสายตาที่จับจ้อง
ไม่นานหลังจากที่กาลาเทียเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับโลกมนุษย์และได้รับความรักจากพีกมัลลิออน ชื่อเสียงของนางก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วเมือง ไม่ใช่เพียงเพราะความงามที่เป็นเอกลักษณ์ แต่เพราะความเมตตาและความบริสุทธิ์ในจิตใจของนาง ผู้คนต่างชื่นชมในตัวนาง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีต่อการปรากฏตัวของกาลาเทีย
ในเมืองมีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ ไคลเทีย นางเป็นหญิงที่เคยได้รับความสนใจจากพีกมัลลิออนมาก่อน และเมื่อพีกมัลลิออนตกหลุมรักกาลาเทีย ไคลเทียก็รู้สึกว่าตนเองถูกแทนที่ ความอิจฉาเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจของนาง
วันหนึ่ง ขณะที่กาลาเทียกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะของเมือง ไคลเทียเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่จริงใจ
“เจ้าช่างเป็นหญิงที่โชคดีนัก” ไคลเทียกล่าว เสียงของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา “เจ้าได้รับความรักจากพีกมัลลิออน และได้รับความเมตตาจากผู้คน”
กาลาเทียยิ้มให้ “ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดนอกจากความสุขของผู้คน”
ไคลเทียหัวเราะเบา ๆ “ช่างไร้เดียงสานัก เจ้าคิดว่าความรักของพีกมัลลิออนจะอยู่กับเจ้าตลอดไปหรือ?”
กาลาเทียขมวดคิ้ว “ข้าเชื่อในความรักของเขา”
ไคลเทียมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยา “เจ้ามันก็แค่รูปปั้นที่ถูกทำให้มีชีวิต วันหนึ่งเขาจะเบื่อเจ้า และเมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะทำเช่นไร?”
คำพูดนั้นกระทบจิตใจของกาลาเทีย นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ นางจะเป็นเช่นไรหากพีกมัลลิออนไม่ต้องการนางอีกแล้ว? นางจะมีที่ยืนในโลกมนุษย์หรือไม่?
ไคลเทียเห็นแววสับสนในดวงตาของกาลาเทีย นางยิ้มอย่างพึงพอใจและเดินจากไป ทิ้งให้กาลาเทียยืนอยู่ท่ามกลางสายลมที่เริ่มเย็นลง หัวใจของนางสั่นไหวเป็นครั้งแรก นี่คือความกลัวที่แท้จริงของมนุษย์ใช่หรือไม่?
บทที่ 9: ความสงสัยที่คืบคลาน
หลังจากการพบกับไคลเทีย กาลาเทียไม่สามารถสลัดความกังวลออกจากจิตใจของตนเองได้ นางเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง นางเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาหรือไม่? นางมีค่าพอที่จะได้รับความรักจากพีกมัลลิออนจริงหรือ?
พีกมัลลิออนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวกาลาเทีย นางเงียบขึ้น กิริยาของนางไม่ร่าเริงเหมือนก่อน เขาพยายามถาม แต่กาลาเทียกลับหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงความกังวลของนาง
คืนหนึ่ง ขณะที่พีกมัลลิออนกำลังทำงานในเวิร์กชอป กาลาเทียนั่งมองรูปปั้นที่ยังแกะสลักไม่เสร็จของเขา นางแตะมือไปที่หินอ่อนเย็นเฉียบ และรู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างตนเองกับก้อนหินนั้น
“ข้าก็เคยเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?” นางกระซิบ
พีกมัลลิออนได้ยินคำพูดนั้นและวางสิ่วลง เขาเดินเข้ามาหานาง และเห็นดวงตาของกาลาเทียเต็มไปด้วยความสับสน
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ กาลาเทีย?” เขาถามเสียงอ่อนโยน
นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “ข้ากำลังคิดว่า... ข้าคือใครกันแน่? ข้าเป็นเพียงผลงานของท่าน หรือข้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แท้จริง?”
พีกมัลลิออนรู้สึกปวดใจที่เห็นนางสับสนเช่นนี้ เขาคุกเข่าลงตรงหน้านางและจับมือนางไว้แน่น “เจ้ามีชีวิตแล้ว เจ้าคือสิ่งที่งดงามที่สุด ไม่ใช่เพียงเพราะข้าแกะสลักเจ้าขึ้นมา แต่เพราะเจ้าคือกาลาเทีย ผู้ที่ข้ารัก”
กาลาเทียฟังคำพูดของเขา แต่ยังคงมีความลังเลในดวงตา นางต้องการค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
“ข้าอยากรู้ว่า... ความรักของท่านที่มีต่อข้าเป็นเพราะข้าเป็นตัวข้าเอง หรือเป็นเพราะข้าคือสิ่งที่ท่านสร้างขึ้นมา”
พีกมัลลิออนนิ่งไป เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่เขารู้ว่าความรักของเขาต่อกาลาเทียไม่ใช่เพียงเพราะนางเป็นผลงานของเขา มันลึกซึ้งกว่านั้น
“ข้ารักเจ้าในแบบที่เจ้าเป็น ไม่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะเป็นรูปปั้นหรือสิ่งใดก็ตาม” เขาพูดอย่างหนักแน่น “และข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าเชื่อมั่นในสิ่งนี้”
กาลาเทียจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา นางต้องการเชื่อ แต่ส่วนหนึ่งในใจของนางยังคงสงสัย นี่คือสิ่งที่มนุษย์รู้สึกใช่หรือไม่? ความไม่แน่นอน ความต้องการค้นหาความจริงในตัวเอง?
และนั่นคือสิ่งที่กาลาเทียต้องการจะทำ – ค้นหาคำตอบของตนเอง
บทที่ 10: การเดินทางสู่การค้นพบตัวเอง
กาลาเทียรู้ดีว่าคำตอบที่นางแสวงหานั้นไม่มีใครสามารถให้ได้นอกจากตัวนางเอง นางตัดสินใจออกเดินทางไปค้นหาความหมายของการมีชีวิตจริง ๆ โดยที่พีกมัลลิออนแม้จะเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็เข้าใจว่านางต้องการโอกาสนี้
“ถ้านี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจะรอเจ้าเสมอ” พีกมัลลิออนกล่าวขณะจับมือนางแน่น “แต่โปรดจำไว้ว่าความรักของข้ายังคงอยู่ ไม่ว่าเจ้าจะพบคำตอบใดก็ตาม”
กาลาเทียมองเขาด้วยแววตาแห่งความซาบซึ้ง นางรู้ดีว่าพีกมัลลิออนรักนางอย่างแท้จริง แต่การเดินทางครั้งนี้เป็นสิ่งที่นางต้องทำเพื่อตนเอง
ชีวิตนอกเหนือจากความรัก
นางออกเดินทางไปยังเมืองอื่น ๆ ได้พบเจอผู้คน ได้เรียนรู้ว่าความรักไม่ได้มีเพียงแค่ความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง แต่รวมถึงความรักของมิตรภาพ ความเสียสละ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน นางได้ช่วยเหลือเด็กกำพร้า ได้ทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ยากไร้ และเริ่มเข้าใจว่าการมีชีวิตมีความหมายมากกว่าการได้รับความรักจากบุคคลเพียงคนเดียว
วันหนึ่ง นางพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่เคยเป็นนักแกะสลัก นางเล่าเรื่องราวของการใช้ชีวิตที่ต้องสูญเสียสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่กลับค้นพบว่าความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การได้สร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่ผู้อื่น
กาลาเทียฟังด้วยความตั้งใจ ก่อนจะเข้าใจสิ่งสำคัญที่สุด—ชีวิตของนางไม่ใช่เพียงแค่ของขวัญจากเทพเจ้า แต่เป็นสิ่งที่นางสามารถกำหนดเองได้
การกลับมาและคำตอบของหัวใจ
เมื่อเวลาผ่านไป กาลาเทียกลับมายังบ้านของพีกมัลลิออน นางได้เติบโตและเข้าใจในตนเองมากขึ้น
“ข้าค้นพบคำตอบแล้ว” นางกล่าว “ข้าไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ข้าเป็นข้าเอง และข้าต้องการใช้ชีวิตของข้าเพื่อสร้างบางสิ่งที่มีความหมาย”
พีกมัลลิออนมองนางด้วยความชื่นชม “แล้วความรักของเราล่ะ?”
กาลาเทียยิ้ม “ข้ารู้แล้วว่าความรักของท่านไม่ใช่เพราะข้าเป็นรูปปั้นที่ท่านสร้างขึ้นมา แต่เพราะข้าเป็นข้า และข้ารักท่านเช่นเดียวกัน”
พีกมัลลิออนกอดนางไว้แน่น ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจกันอย่างแท้จริง กาลาเทียได้เลือกที่จะรักและมีชีวิตตามทางของตนเอง และในขณะเดียวกัน นางก็ได้พบว่าความรักที่แท้จริงไม่ได้ยึดติดอยู่กับอดีต แต่มันคือการเลือกที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

















