5 สิ่งร้ายทำลายตับ อาหาร และ พฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตับ กับ 7 วิธีรักษาตับให้สุขภาพดี ให้ทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพ
หน้าที่สำคัญของตับ คือ ช่วยในการผลิตน้ำดี ซึ่งน้ำดีจะทำหน้าที่ไปย่อยอาหารประเภทไขมัน จัดการกับสารพิษต่าง ๆ ที่ร่างกายรับเข้ามา แล้วขับออกจากร่างกายไม่ให้มีการตกค้าง ทำหน้าที่ผลิตสารที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว ทำให้เลือดสามารถหยุดไหลได้ เมื่อประสบเหตุต่าง ๆ คนที่ตับมีปัญหามักจะเริ่มจากอาการที่ไม่ได้บ่งบอกชัดเจน ฉะนั้น ต้องหมั่นคอยสังเกตตัวเองให้มาก
โรคตับ เป็นโรคที่เกิดจากการที่ตับได้รับบาดเจ็บ หรือ เกิดแผลเป็นแบบถาวร จนทำให้เป็นพังผืดขึ้นในเนื้อตับ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับช้าลง เริ่มตั้งแต่การผลิตโปรตีน การจัดการกับสารพิษในร่างกาย การไหลเวียนของเลือดที่ไหลผ่านตับไม่สะดวก บางกรณีอาจปิดกั้นไป ขึ้นอยู่กับอาการว่าเป็นหนักหนาแค่ไหน ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน อาจนำพาให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้เช่นกัน
5 สิ่งร้ายที่ทำลายตับ
1.สารเคมีและสารพิษ ยาฆ่าแมลง สารเคมี สารพิษบางชนิดหากเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นสาเหตุของตับอักเสบได้ เช่น สารกำจัดศัตรูพืชพาราคว็อต สารหนู ที่อาจปนเปื้อนมาในผักผลไม้ รวมถึงน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ
2.ไขมันส่วนเกิน หากร่างกายมีไขมันส่วนเกินมากเกินไป อาจเกิดการสะสมที่ตับจนนำไปสู่โรค ไขมันพอกตับ ส่งผลให้ตับอักเสบเรื้อรัง จนนำไปสู่ภาวะตับแข็ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน เบาหวาน
3.แอลกอฮอล์ และ น้ำอัดลม การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพตับ
4.น้ำตาล เมื่อกินน้ำตาลมากเกินไปย่อมไม่ดีสำหรับฟันและน้ำหนักตัว บางการศึกษายังแสดงให้เห็นว่าน้ำตาลอาจเป็นอันตรายต่อตับเช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ การมีระดับน้ำตาลที่สูงทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับจนกลายเป็นโรคไขมันพอกตับ แม้ในผู้ที่ไม่อ้วนก็ตาม
5.เลือด และ การมีเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มซ้ำ ไม่ว่าในกรณีใด อาจส่งผลให้เกิดการติดต่อของโรคไวรัสตับอักเสบบี และ ไวรัสตับอักเสบซี รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และ ไวรัสตับอักเสบซี
7 วิธีรักษาตับให้สุขภาพดี ให้ทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพ
1.ออกกำลังเป็นประจำ การรักษาสุขภาพขั้นพื้นฐานที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงตับด้วย
2.กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะอาหารที่ไขมันต่ำจะช่วยลดการสะสมไขมันพอกตับได้ หลีกเลี่ยงรผักผลไม้ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง รวมถึงการล้างทำความสะอาดที่ถูกวิธี เลือกน้ำยาทำความสะอาดที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รวมถึงอาหารที่มีไขมันทรานส์ เช่น ขนมกรุบกรอบ ขนมอบ
3.หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด ใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ หรือ ใช้ยาเกินขนาด ถึงแม้ตับจะสามารถขับสารส่วนเกินจากออกจากร่างกายได้ แต่การใช้ยาเหล่านี้ในระยะยาวอาจสร้างความเสียต่อการทำงานของตับและสุขภาพด้านอื่น ๆ ได้
4.ควบคุมปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้ตับจะสามารถขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย แต่ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ตับทำงานหนักและอาจไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ อาจเกิดการสะสมทำให้เป็นโรคตับ
“มากเกินไป” คือ แค่ไหน มาตรฐานการดื่มจึงกำหนดให้ ผู้หญิง ปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ต่อวันคือ ไวน์ 5 ออนซ์ (มากกว่าครึ่งแก้วเล็กน้อย ) เบียร์ 12 ออนซ์ หรือเหล้า 1.5 ออนซ์ ส่วนคุณผู้ชายสามารถดื่มได้เป็น 2 เท่าต่อวัน
น้ำอัดลม แม้การศึกษาไม่ได้พิสูจน์ว่าน้ำอัดลมเป็นสาเหตุสำคัญของตับอักเสบ แต่พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะมีภาวะไขมันพอกตับมากขึ้น ถ้าสามารถลดปริมาณการดื่มน้ำอัดลมลงได้ อาจส่งผลให้สุขภาพตับดีขึ้น
5.มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย สวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบีและซี
6.เลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น มีดโกน แปรงสีฟัน หรือ ของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ที่อาจทำให้ติดเชื้อทางเลือดได้
7.ฉีดวัคซีนป้องกันโรค ปัจจุบันมีวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอและไวรัสตับอักเสบบี นอกจากนี้ยังมีวัคซีนป้องกันโรคที่อาจส่งผลต่อตับ เช่น โรคไข้เหลือง โรคมาลาเรีย โดยเฉพาะที่ผู้ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ สามารถติดต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรึกษาในการฉีดวัคซีน
ตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่หลายอย่างในระบบต่าง ๆ ซึ่งการที่ตับจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องอาศัยสุขภาพที่ดี แม้ตับจะเก่งแค่ไหนแต่สารพิษบางอย่างที่มากเกินไปก็อาจสร้างปัญหาให้ตับได้ไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งหากร้ายแรงจนกลายเป็นโรคตับชนิดต่าง ๆ คงจะดีเสียกว่าถ้าเราสร้างสุขภาพตับที่ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ

















