รีวิวหนังสือ เก่งด้วยศาสตร์ ชนะขาดด้วยศิลป์
ในการทำงานแต่เดิมเราเน้นไปที่ศาสตร์ สิ่งที่เราเรียนรู้อัดเข้าไปในสมองเพื่อที่เราจะได้เอาข้อมูลทั้งหมดมาเชื่อมโยงกัน แล้วประยุกต์แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งนี้ถือเป็นตรรกะ เป็นเหตุเป็นผลที่ AI สามารถคาดเดาและคิดคำนวณแทนได้ เพราะเป็นรูปแบบการทำงานเรื่องเดิมๆ
แต่การจะมีศิลป์ หรือคิดอย่างสร้างสรรค์จนนำไปสู่สิ่งใหม่ๆยังเป็นสิ่งที่บางคนทำไม่ได้และรู้สึกขัดแย้งในตัวเองเสียด้วยซ้ำ การอยู่รอดในยุคนี้คือคนที่สามารถนำศาสตร์และศิลป์มาผนึกรวมกันกับการทำงานได้อย่างลงตัว
ยามางุจิ ชู ที่ปรึกษาธุรกิจชาวญี่ปุ่นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จะมาให้ความเข้าใจในเรื่องของศาสตร์และศิลป์จะเข้ามารวมกันในการทำงานของเราได้อย่างไรบ้าง แปลโดย ฉัตรขวัญ อดิศัย
ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์
- ได้เรียนรู้ว่าเวลาเราต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง”เราจะมีวิธี ตัดสินใจ 2 แบบ ได้แก่ตรรกะ และเหตุผล” กับ ใช้ “อารมณ์ และสัญชาตญาณ
- ได้เรียนรู้ว่าเวลาตัดสินใจเรื่องธุรกิจ คนญี่ปุ่นชอบใช้ตรรกะ และเหตุผล” มากกว่า “สัญชาตญาณ และอารมณ์ แต่จริงๆ แล้วใช้ตรรกะ และเหตุผลไม่ได้แปลว่าเราเฉลียวฉลาดกว่าแต่อย่างใด แต่สะท้อนให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นชอบไหลไปตามบรรยากาศที่ผู้มีอำนาจสร้างขึ้นแล้วก็ตัดสินใจกันแบบงงๆ
- ได้เรียนรู้ว่าหลายครั้งเราต้องเจอกับปัญหาที่ซับซ้อนและยังคาดการณ์อะไรไม่ได้ แต่เราก็ต้องตัดสินใจอะไรสักอย่างอยู่ดี ถ้าเราตัดสินใจโดยนิ่ง ตรรกะเหตุผลแล้วเจอทางตัน ให้เราลองสลัด ตรรกะและเหตุผลออกไปแล้วลองหันมาใช้สัญชาตญาณกับอารมณ์แทน
- ได้เรียนรู้ว่าศิลป์ : จะช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้เราได้มองสิ่งต่างๆโดยใช้สัญชาตญาณ ซึ่งคนที่ได้เห็นจะรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย
- ศาสตร์ : จะช่วยวิเคราะห์และประเมินอย่างเป็นระบบเพื่อสนับสนุนสิ่งที่เกิดจาก “ศิลป์”
- คราฟต์ (ความเชี่ยวชาญ) : จะช่วยเพิ่มความสามารถในการลงมือทำ เพื่อช่วยให้ “ศิลป์” ที่คิดไว้เป็นจริงขึ้นมาด้วยประสบการณ์และความรู้
- ได้เรียนรู้ว่าถ้าเราอยากตัดสินใจได้ดี เราต้องใช้ตรรกะและสัญชาตญาณให้สมดุลกัน แต่ปัจจุบันคนเราให้น้ำหนักกับตรรกะและเหตุผลมากจนเกินไป
- ได้เรียนรู้ว่าอารมณ์สำคัญกว่าเหตุผล เพราะต่อให้เราจะมีวิสัยทัศน์ที่สมเหตุสมผลเพียงใด แต่ถ้าไร้แรงบันดาลใจที่ทำให้คนฟังรู้สึกตื่นเต้นและอยากมีส่วนร่วมก็เรียกว่าวิสัยทัศน์ไม่ได้
- ได้เรียนรู้ว่าทักษะสำคัญที่จะช่วยให้เรารับมือกับปัญหายากๆในอนาคตได้ คือ การรู้จักความต้องการทางอารมณ์ของตัวเอง
- ได้เรียนรู้ว่าถ้าอยากมีชีวิตที่สมบูรณ์มีความสุข เราต้องมีอารมณ์ศิลป์ร่วมด้วย เพื่อให้เราสามารถประเมินตัวเองในแง่มุมต่างๆที่ไม่ใช่แค่การปั่นฟันเฟืองในการทำงาน
- ได้เรียนรู้ว่าเราต้องยืนหยัดในแนวทางของเราไปพร้อมกับการปรับตัวให้เข้ากับข้อเรียกร้องของระบบ เพราะมีแค่คนที่ปรับตัวให้เข้ากับระบบได้จึงจะเปลี่ยนแปลงระบบได้
- ได้เรียนรู้ว่าแทนที่เราจะทำงานตามคำสั่งโดยไร้ความรู้สึก เราควรมี Sense ความดีงามในการใช้ชีวิตและยึดมั่นในหลักการของตัวเอง ไม่ไหลไปตามระบบทุกอย่าง แต่คิดและทำตามสิ่งที่เราเชื่อด้วย
- ได้เรียนรู้ว่าบริษัทที่จะอยู่รอดและเติบโตในอนาคตต้องสร้างสรรค์สินค้าได้เอง ไม่ใช่คอยถามตลาดและเดินช้าตามหลังคู่แข่งไปก้าวหนึ่งเสมอ จุดนี้เองที่ความสามารถด้านศิลป์จะสำคัญขึ้นมา
- ได้เรียนรู้ว่าผู้นำที่ใช้ Sense ในการตัดสินใจจะต้องแบกรับความรับผิดชอบที่สูงกว่าและต้องมั่นใจว่า Sense ของตนนั้นดีพอ
- ได้เรียนรู้ว่าถ้าเรามัวแต่ตัดสินความงามจากการสำรวจตลาดก็คงไม่ทันคู่แข่ง เราจะเจอคู่แข่งที่นำเสนอของใหม่กว่า ลูกเล่นเยอะกว่า สวยกว่า น่าตื่นเต้นกว่าอยู่เสมอ
- ได้เรียนรู้ว่าสมัยนี้ลูกค้ากำลังมองหาและบริการที่ตอบสนองความต้องการด้านอารมณ์ของพวกเขามากกว่าประโยชน์ด้านการใช้งานและราคา ศิลป์จะกลายเป็นจุดแข็งสำคัญให้กับบริษัทต่างๆเพื่อแข่งขันกันในตลาดนี้
- ได้เรียนรู้ว่าศาสตร์กับศิลป์ อาจไม่ใช่ขั้วตรงข้ามอย่างที่เราคิด ต่อให้มีอยู่ในตัวคนเดียวกัน ทั้งสองสิ่งอาจส่งเสริมกันและกัน และช่วยให้คนนั้นมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดขึ้น
อารมณ์ ถือเป็นศิลป์อย่างหนึ่ง ส่วนตรรกะและการคำนวณตัวเลขเป็นศาสตร์ที่ใครๆก็เรียนตามทันกันได้ ถ้าได้รับการสอนด้วยความเข้าใจที่มากพอ แต่การที่ AI มาแก้ปัญหาตรงนี้ให้แล้ว ศิลป์ที่เราควรมีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องฝึกฝนพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จะได้ไม่ด้อยไปกว่า AI
เป็นการปรับตัวอย่างหนึ่งของการศึกษาหาความรู้เลยก็ว่าได้ จริงอยู่ ศาสตร์ต่างๆถือว่ายังมีความจำเป็นอยู่ มิฉะนั้นเราจะไม่เข้าใจอะไรเลย แล้วจะตัดสินใจแก้ปัญหาแต่ละครั้งไม่ได้ AI เป็นเพียงผู้ช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าเราไม่มีศิลป์อยู่ในใจบ้างเลย เราจะแพ้ AI เพราะไม่มีความโดดเด่นในการทำงานนั่นเอง
สวยสะกดโลก! สรุปผล 100 ผู้หญิงใบหน้าสวยที่สุดปี 2025
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
ผู้ช่วยกอบกู้บริษัท IBM "ลู เกิร์สต์เนอร์" เสียชีวิตแล้ว
สรุปเผยข้อมูลกลโกงใหม่ๆที่ต้องระวัง!!!
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
UNICEF เตือน การจำกัดอายุการใช้งานโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ช่วยให้เด็กปลอดภัยขึ้น
OpenAI กำลังเปิดรับสมัครงาน ด้วยเงินเดือนประจำ ปีละ 17.5 ล้านเหรียญ
ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต "จ้านฮ่าวหลี่" คดีฉ้อโกงพันล้านหยวน
5 คุณประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าทึ่งของปลาทะเล
เขมรเผย เราจะเป็นเพื่อนบ้านไทยอย่างถาวร
เขมรเผย เราจะเป็นเพื่อนบ้านไทยอย่างถาวร
'MH370' ปริศนาเกี่ยวกับเครื่องบินที่ลึกลับที่สุดในยุคปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา “ฮุน มาเนต” เรียกร้องให้สื่อมวลชนรายงานข่าวชายแดนกัมพูชา–ไทยอย่างถูกต้องตามจริยธรรมวิชาชีพ
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
Avatar 3 ช่วยแบก MAJOR ไม่ไหว! กำไรดิ่งหนัก 30%
UNICEF เตือน การจำกัดอายุการใช้งานโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ช่วยให้เด็กปลอดภัยขึ้น







