โบท็อกกราม คืออะไร? หมดปัญหาหน้าบาน ตัวช่วยให้หน้าเรียวได้จริง
โบท็อกกราม คืออะไร? หมดปัญหาหน้าบาน ตัวช่วยให้หน้าเรียวได้จริง
โบท็อกกราม คืออะไร?
โบท็อกกราม หรือ การฉีดโบลดกราม (Masseter Botox) คือ การฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) เข้าไปที่กล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลงและช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดศัลยกรรม
การฉีดโบท็อกกรามเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ เพราะสามารถช่วยให้ ใบหน้าดูเรียวเล็กลงแบบเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้น อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
โบท็อกกรามช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
- ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อกราม – เหมาะสำหรับคนที่กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่จากกระดูก
- ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กขึ้น – เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้ามี V-Shape อย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยลดอาการปวดกราม – สำหรับคนที่มีอาการนอนกัดฟันหรือขบฟันแน่นโดยไม่รู้ตัว
- ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น – ทำให้ใบหน้าดูสมส่วน มีมิติ และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด – เห็นผลเร็ว ปลอดภัย และไม่ต้องพักฟื้น
สาเหตุของกรามใหญ่ มีอะไรบ้าง?
- กรามใหญ่จากกระดูก คนที่มีโครงสร้างกระดูกขากรรไกรกว้างมาตั้งแต่กำเนิด วิธีแก้ไขคือ การศัลยกรร ตัดกระดูก เท่านั้น การฉีดโบท็อกจะไม่สามารถช่วยได้
- กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ เกิดจากกล้ามเนื้อกรามที่แข็งแรงเกินไป ซึ่งมักเกิดจาก
- พันธุกรรม – บางคนมีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่โดยธรรมชาติ
- การใช้กล้ามเนื้อกรามมากเกินไป – เช่น เคี้ยวอาหารเหนียว เคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆ
- นอนกัดฟัน – ส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามทำงานหนักขึ้นและขยายตัวใหญ่ขึ้น
กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกลดกราม โดยไม่ต้องศัลยกรรม
กลไกการทำงานของโบท็อกกราม
โบท็อก หรือ Botulinum Toxin Type A เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยทำให้กล้ามเนื้อที่ฉีดเข้าไปมีการทำงานลดลงชั่วคราว ซึ่งเมื่อใช้กับกล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) จะช่วยให้กล้ามเนื้อลดขนาดลงและทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยผลลัพธ์จะเริ่มเห็นผลในช่วง 2-4 สัปดาห์ และให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน
อ่านเพิ่มเติม : https://www.romrawinclinic.com/botox/botox-jaw
ฉีดโบท็อกกรามเหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีขนาดกล้ามเนื้อกรามใหญ่ หากกล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่จนทำให้ใบหน้าดูกว้างหรือเหลี่ยม การฉีดโบท็อกจะช่วยให้กล้ามเนื้อกรามเล็กลงและทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นโดยไม่ต้องศัลยกรรม โบท็อกเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการหน้าเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยง และไม่ต้องพักฟื้น
- ผู้ที่มีปัญหานอนกัดฟัน การกัดฟันขณะนอนหลับ (Bruxism) ทำให้กล้ามเนื้อกรามแข็งและโตขึ้น การฉีดโบท็อกช่วยลดอาการกัดฟันและลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม
- คนที่เคี้ยวอาหารแข็งหรือเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำ พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อกรามถูกใช้งานหนักจนใหญ่ขึ้น การฉีดโบท็อกช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อที่พัฒนาเกินความจำเป็น
- ผู้ที่ต้องการกรอบหน้าชัดขึ้น นอกจากช่วยลดขนาดกรามแล้ว ยังทำให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น และทำให้โครงหน้าดูละมุนขึ้นอีกด้วย
โบท็อกกรามกี่ยูนิต?
โดยทั่วไป ปริมาณโบท็อกที่ใช้ฉีดลดกรามขึ้นอยู่กับขนาดของกล้ามเนื้อกรามของแต่ละบุคคล
- ขนาดกล้ามเนื้อเล็ก-ปานกลาง → ใช้ประมาณ 30-40 ยูนิตต่อข้าง
- ขนาดกล้ามเนื้อใหญ่ → ใช้ประมาณ 50-60 ยูนิตต่อข้าง
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินขนาดกล้ามเนื้อกรามของคุณก่อนทำการฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติที่สุด
ยี่ห้อโบท็อกยอดนิยมสำหรับลดกราม
ปัจจุบันในประเทศไทยมี โบท็อกที่ได้รับการรับรองจาก อย. และนิยมใช้กันหลายยี่ห้อ เช่น
- Allergan (USA) – มีความบริสุทธิ์สูง โอกาสดื้อยาเกิดขึ้นได้น้อย อยู่ได้นาน 5-6 เดือน
- Xeomin (Germany) – ไม่มีโปรตีนที่เป็นสาเหตุของการดื้อยา อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
- Dysport (UK) – กระจายตัวกว้าง เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
- Nabota (Korea) – โบท็อกจากเกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก FDA อเมริกา ออกฤทธิ์เร็ว อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
- Aestox (Korea) – ออกฤทธิ์เร็ว ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกกราม
- เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์ – เพื่อให้มั่นใจว่าฉีดในตำแหน่งที่ถูกต้อง และได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย
- ตรวจสอบโบท็อกแท้ – ควรให้แพทย์แกะกล่อง เปิดขวดผสมยาให้ดูต่อหน้า
- งดอาหารเสริมบางชนิด – เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 3-5 วันก่อนฉีด
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ – เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมและอักเสบ
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกกราม
- บริหารกล้ามเนื้อกราม โดยการกัดฟันเบาๆ หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง 30 นาทีหลังฉีด เพื่อให้ตัวยากระจายตัวได้ดีขึ้น
- งดนอนราบ 4-6 ชั่วโมงแรก เพื่อลดโอกาสที่ตัวยาจะไหลไปบริเวณอื่น
- งดใช้ความร้อนบนใบหน้า เช่น ซาวน่า เลเซอร์ หรือการอบไอน้ำ เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง เช่น หมากฝรั่ง ข้าวเหนียว หรือเนื้อสัตว์ที่เคี้ยวยาก เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้เต็มที่
โบท็อกกราม VS ร้อยไหมหน้าเรียว เลือกอะไรดี?
- ฉีดโบท็อกลดกราม เหมาะสำหรับคนที่มี กล้ามเนื้อกรามใหญ่ และต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อเพื่อให้ใบหน้าเรียวขึ้น
- ร้อยไหมหน้าเรียว เหมาะกับคนที่มี ผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับผิว ไม่เกี่ยวกับขนาดของกล้ามเนื้อ
- สามารถทำร่วมกันได้ – หากมีทั้งปัญหากรามใหญ่และใบหน้าหย่อนคล้อย แนะนำให้ฉีดโบท็อกลดกรามร่วมกับร้อยไหมเพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกกราม
ฉีดโบท็อกกราม กี่วันเห็นผล?
เริ่มเห็นผลใน 2-4 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดใน 2-3 เดือน หลังฉีด
ฉีดโบท็อกกราม เจ็บไหม?
การฉีดโบท็อกกราม ไม่เจ็บมาก เพราะแพทย์จะใช้ เข็มขนาดเล็ก และมีการ ประคบเย็นก่อนฉีด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ
โบท็อกกรามอยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5-6 เดือน และสามารถฉีดซ้ำได้เมื่อผลลัพธ์เริ่มลดลง หากฉีดต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง กล้ามเนื้อกรามอาจมีขนาด เล็กลงถาวร
โบท็อกกรามกี่ยูนิต?
โดยทั่วไปใช้ 30-50 ยูนิตต่อข้าง ขึ้นอยู่กับขนาดของกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล ผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่อาจต้องใช้ 50-60 ยูนิตต่อข้าง
ฉีดโบท็อกกรามแล้วทำไมหน้ายังไม่เรียว?
หากยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจเกิดจาก มีไขมันสะสมที่แก้ม หรือ เหนียงใต้คาง ซึ่งการฉีดโบท็อกจะลดขนาดกล้ามเนื้อเท่านั้น ไม่สามารถลดไขมันได้ แนะนำให้ทำ HIFU, Thermage หรือร้อยไหม ควบคู่กัน เพื่อช่วยยกกระชับผิว
โบท็อกกราม ทำให้หน้าย้วยจริงไหม?
หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ และฉีด ปริมาณโบท็อกมากเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อกรามฝ่อเกินไป ส่งผลให้ แก้มตอบ หรือ หน้าดูย้วย ดังนั้น ควรฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ในการประเมินใบหน้า
ฉีดโบท็อกกรามแล้ว สามารถทำหัตถการอื่นร่วมได้ไหม?
การฉีดโบท็อกกรามสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ เพื่อให้ใบหน้าเรียวและสมส่วนขึ้น เช่น
- HIFU หรือ Thermage กระชับผิว ลดไขมันแก้มและเหนียง
- ร้อยไหม ช่วยยกกระชับให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
- ฟิลเลอร์คาง ปรับสมดุลให้ใบหน้าดูละมุนและมีมิติ





















