“สิว” เกิดจากอะไร ?
“สิว” เกิดจากอะไร ?
สิวเป็นปัญหาผิวที่เราเจอได้บ่อยในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แต่ความจริงแล้วสิวไม่ได้เกิดจากฮอร์โมนเพียงอย่างเดียว สิวมีต้นตอมาจากหลายสาเหตุ ทั้งการผลิตน้ำมันมากเกินไปในผิว, การอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรก, การเจริญเติบโตของแบคทีเรียในรูขุมขน รวมถึงปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น ความเครียด การสัมผัสจากมือที่ไม่สะอาด และสภาพแวดล้อม สิวจึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีหลายมิติ ซึ่งการเข้าใจต้นตอของสิวอย่างถ่องแท้จะช่วยให้เราเลือกวิธีการดูแลและรักษาได้อย่างเหมาะสม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.romrawin.com/causes-of-acne/
สิวคืออะไร?
สิวหมายถึงการเกิดอุดตันในรูขุมขนที่มักเกิดจากการผลิตน้ำมัน (Sebum) ที่มากเกินไป ผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่สะสมอยู่บนผิว เมื่อเกิดการอุดตัน รูขุมขนจึงไม่สามารถระบายออกได้ ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งเหล่านี้และเป็นแหล่งเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Cutibacterium acnes (หรือที่เรียกว่า C. acnes) ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบและเกิดเป็นสิวขึ้นมา โดยทั่วไปสิวมักพบในบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น ใบหน้า หลัง หน้าอก และไหล่
สาเหตุและปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิว
การเกิดสิวมีหลายสาเหตุและปัจจัยร่วมกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ดังนี้
- การผลิตน้ำมันมากเกินไป
ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจนในวัยรุ่น จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น น้ำมันส่วนเกินที่ไม่ถูกกำจัดจะผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน นี่คือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว - การอุดตันของรูขุมขน
เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกสะสมอยู่ในรูขุมขน การอุดตันเกิดขึ้น ทำให้ผิวไม่สามารถ “หายใจ” ได้ตามปกติ นำไปสู่การอักเสบและการเกิดสิวในที่สุด - แบคทีเรียที่เกี่ยวข้อง
เมื่อรูขุมขนถูกอุดตัน บรรยากาศที่ปราศจากออกซิเจนภายในรูขุมขนเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย C. acnes ซึ่งจะปล่อยสารที่กระตุ้นการอักเสบและทำให้เกิดสิวอักเสบ - ปัจจัยจากฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นในวัยรุ่น, วัยผู้ใหญ่ตอนต้น, หรือแม้กระทั่งในช่วงก่อนและหลังประจำเดือนของผู้หญิง มีผลต่อการกระตุ้นให้เกิดสิว เนื่องจากฮอร์โมนสามารถเพิ่มการผลิตน้ำมันในผิวได้ - ปัจจัยทางพันธุกรรม
หากครอบครัวมีประวัติของสิว สิวก็มีแนวโน้มที่จะส่งต่อกันทางพันธุกรรม ซึ่งอาจส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานผิดปกติและผลิตน้ำมันมากเกินไป - ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิว
บางครั้งสิวอาจเกิดจากการใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารที่ระคายเคือง ซึ่งสามารถอุดตันรูขุมขนและทำให้สิวกำเริบได้ - ความเครียดและสิ่งแวดล้อม
ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนและน้ำมันในผิวเพิ่มขึ้น และสิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะ ฝุ่น ควัน หรือการสัมผัสจากหน้ากากอนามัยที่ไม่สะอาด ก็สามารถเพิ่มโอกาสให้เกิดสิวได้
ประเภทของสิวและลักษณะเฉพาะ
สิวมีหลายประเภทและแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. สิวอุดตัน (Comedonal Acne)
- สิวหัวขาว (Closed Comedone):
เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันแต่ปิดอยู่ สิวหัวขาวมักมีลักษณะเป็นตุ่มสีขาวเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยทำให้เกิดการอักเสบ - สิวหัวดำ (Open Comedone):
เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันแต่เปิดออกสู้อากาศ ทำให้น้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วถูกออกซิเดชันจนมีสีดำ สิวหัวดำมักมองเห็นได้ชัดเจนและง่ายต่อการทำความสะอาด
2. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
- สิวตุ่มนูนแดง (Papules):
มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดง บวมเล็กน้อยและรู้สึกเจ็บ อาจไม่มีหนองแต่เป็นสัญญาณของการอักเสบ - สิวหัวหนอง (Pustules):
เป็นตุ่มแดงที่มีหัวหนองสีขาวหรือเหลือง บ่งบอกถึงการอักเสบรุนแรงมากขึ้น - สิวหัวช้าง (Nodules):
เป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ เจ็บและลึกลงไปในชั้นผิว มีโอกาสทิ้งรอยแผลเป็นหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง - สิวซีสต์ (Cystic Acne):
เป็นสิวที่รุนแรงที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนอง และมักทำให้เกิดรอยแผลเป็นถาวร - สิวผด (Acne Mechanica):
เกิดจากการเสียดสีหรือระคายเคืองจากสิ่งของที่สัมผัสผิว เช่น หมวกหรือหน้ากาก ทำให้เกิดตุ่มสิวเล็ก ๆ ที่ไม่รุนแรงแต่ถ้าไม่ดูแลอาจกลายเป็นสิวอักเสบได้ - สิวจากฮอร์โมน (Hormonal Acne):
มักเกิดในผู้หญิงในช่วงก่อนหรือหลังประจำเดือน หรือในวัยหมดประจำเดือน โดยสิวในกลุ่มนี้อาจมีทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ
การแบ่งประเภทของสิวเป็นสิ่งสำคัญเพราะช่วยให้เราเข้าใจลักษณะและสาเหตุของสิวในแต่ละบุคคล ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
สิวในแต่ละช่วงอายุ
การเกิดสิวไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่วัยรุ่นเท่านั้น สิวสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ โดยแต่ละช่วงจะมีปัจจัยและลักษณะที่แตกต่างกันไป
- สิวในวัยรุ่น (Teenage Acne):
ในช่วงอายุ 12-20 ปี สิวเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุด โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่กระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิว สิวในวัยรุ่นมักเป็นสิวหัวขาว, สิวหัวดำ, และสิวอักเสบที่เกิดบนใบหน้า หน้าอก และหลัง - สิวในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (Early Adulthood Acne):
อายุ 20-30 ปี สิวในวัยนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากความเครียด, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง เช่น รอบเดือน สิวในวัยนี้อาจมีลักษณะเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ และบางครั้งสิวอาจลึกลงไปในชั้นผิว - สิวในวัยผู้ใหญ่ (Adult Acne):
อายุ 30-40 ปี สิวในวัยนี้อาจเกิดจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุล ความเครียดสะสม หรือการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม สิวในวัยผู้ใหญ่อาจไม่เกิดมากเท่าวัยรุ่น แต่เมื่อเกิดแล้วมักใช้เวลารักษานานและอาจทิ้งรอยดำหรือรอยแผลเป็นได้ - สิวในวัยสูงอายุ (Mature Acne):
แม้คนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปจะเริ่มเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของผิวจากการเสื่อมสภาพตามวัย แต่สิวยังสามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ประสบกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงหมดประจำเดือน ซึ่งสิวในกลุ่มนี้มักเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบที่เกิดบริเวณคางและกรอบหน้า
ปัจจัยที่กระตุ้นให้สิวเกิดขึ้นซ้ำ
นอกจากสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้สิวเกิดขึ้นซ้ำได้อีกด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้รวมถึง:
- การกินอาหาร:
อาหารที่มีน้ำตาลสูงหรืออาหารจานด่วน อาจกระตุ้นให้ระดับอินซูลินเพิ่มขึ้น ทำให้ผลิตน้ำมันในผิวเพิ่มและส่งผลให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น - การทำความสะอาดผิวที่ไม่เพียงพอ:
การล้างหน้าไม่ถูกวิธีหรือไม่ล้างหน้าให้สะอาด อาจทำให้สิ่งสกปรกและเครื่องสำอางตกค้างในรูขุมขน จนอุดตันและเกิดสิว - การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ:
การเอามือสัมผัสใบหน้าหรือการบีบสิวโดยที่มือไม่สะอาด สามารถนำแบคทีเรียเข้าสู่ผิวและทำให้สิวเกิดขึ้นหรือกำเริบได้ - การใช้ยาบางชนิด:
ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์หรือยาคุมกำเนิดบางประเภท อาจส่งผลต่อฮอร์โมนและการผลิตน้ำมันในผิว ทำให้สิวกำเริบได้ - การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ:
สภาพอากาศที่ร้อนชื้นหรือแห้งจัดสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันหรือทำให้ผิวระคายเคือง ซึ่งส่งผลให้สิวเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
วิธีลดการเกิดสิวและดูแลสุขภาพผิว
การลดการเกิดสิวเริ่มต้นจากการดูแลผิวในชีวิตประจำวันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวได้ดังนี้:
- รักษาความสะอาดของผิวหน้า:
การล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยกำจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ - เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม:
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน (oil-free) และมีความอ่อนโยนต่อผิว เพื่อไม่ให้อุดตันรูขุมขนและกระตุ้นให้สิวเกิดขึ้น - ควบคุมความมันบนผิว:
การใช้โทนเนอร์หลังการล้างหน้าช่วยกระชับรูขุมขนและควบคุมความมัน ลดโอกาสที่สิวจะเกิดขึ้น - ดูแลสุขภาพจากภายใน:
ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายและผิวมีความสมดุล ลดความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้สิวเกิดขึ้น - หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือบีบสิว:
การบีบสิวอาจทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายและทำให้สิวอักเสบหนักขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ
เคล็ดลับในการดูแลและป้องกันสิวในชีวิตประจำวัน
เพื่อป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นหรือกลับมาซ้ำอีกในอนาคต ควรปฏิบัติตามเคล็ดลับง่าย ๆ ดังนี้
- รักษาความสะอาด:
ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เพื่อขจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อาจอุดตันรูขุมขนและทำให้สิวเกิดขึ้น - หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ:
ไม่ควรใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ เพราะจะนำแบคทีเรียมาสู่ผิว และหากเกิดสิวแล้วอย่าบีบ เพราะอาจทำให้สิวอักเสบหนักขึ้น - ควบคุมอาหาร:
ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรืออาหารจานด่วน เพราะอาหารประเภทนี้อาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ - พักผ่อนให้เพียงพอ:
นอนหลับให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายและผิวมีเวลาฟื้นฟู ลดความเครียดที่เป็นสาเหตุของสิว - เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม:
ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ออกแบบมาสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเกิดสิว และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจทำให้สิวกำเริบ






















