เพอร์ซีอุส นักรบผู้สังหารเมดูซ่าและช่วยเจ้าหญิงอันโดรเมดา
เพอร์ซีอุส: นักรบผู้สังหารเมดูซ่าและช่วยเจ้าหญิงอันโดรเมดา
บทที่ 1: คำพยากรณ์แห่งโชคชะตา
การกำเนิดของเพอร์ซีอุส
นครอาร์กอสภายใต้การปกครองของกษัตริย์อคริเซียส (Acrisius) เป็นนครที่รุ่งเรืองและมั่งคั่ง แต่ความหวาดกลัวกลับเกาะกินหัวใจของกษัตริย์ เมื่อคำพยากรณ์จากนักพยากรณ์แห่งเดลฟีเอ่ยว่า
"กษัตริย์อคริเซียสเอ๋ย เจ้าจะถูกสังหารด้วยน้ำมือของหลานชายของเจ้าเอง!"
ใบหน้าของกษัตริย์เปลี่ยนเป็นสีซีด ความหวาดกลัวทำให้เขาตัดสินใจขังบุตรสาวของตนเอง เจ้าหญิงดาเนีย (Danaë) ไว้ในหอคอยทองคำ หอคอยสูงเสียดฟ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีหน้าต่าง มีเพียงช่องรับอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"ข้าจะไม่มีวันให้เจ้ามีบุตรได้! ข้าจะหลีกหนีคำพยากรณ์นี้ให้ได้!" กษัตริย์อคริเซียสกล่าวด้วยความมุ่งมั่น
แต่เทพเจ้าไม่อาจถูกขัดขวางได้ ซุส เทพเจ้าแห่งสายฟ้าและผู้ปกครองสูงสุดของเหล่าทวยเทพ ได้ทอดพระเนตรเห็นเจ้าหญิงดาเนีย นางมีความงดงามดั่งแสงแห่งดวงจันทร์ในคืนที่เงียบสงบ พระองค์ตัดสินใจลงมายังโลกมนุษย์ในรูปของสายฝนทองคำ ไหลรินลงมาผ่านเพดานหอคอย ซึมซับเข้าสู่ร่างของนาง
ไม่นานนัก เจ้าหญิงดาเนียก็ให้กำเนิดบุตรชาย ผู้ที่โลกจะรู้จักในนามของ "เพอร์ซีอุส"
การเนรเทศของดาเนียและเพอร์ซีอุส
เมื่อข่าวการกำเนิดของเพอร์ซีอุสไปถึงกษัตริย์อคริเซียส พระองค์โกรธเกรี้ยวและหวาดกลัวไปพร้อมกัน แต่ด้วยความเกรงกลัวต่อเทพเจ้า พระองค์ไม่กล้าฆ่าเด็กน้อยด้วยมือตัวเอง จึงตัดสินใจจับดาเนียและเพอร์ซีอุสใส่หีบไม้และปล่อยล่องลอยไปในมหาสมุทร
"ให้ท้องทะเลเป็นผู้ตัดสินชะตากรรมของพวกมันเถิด!" กษัตริย์ประกาศ
ดาเนียกอดบุตรชายของนางแน่นขณะคลื่นซัดกระหน่ำ น้ำตาของนางไหลอาบแก้มด้วยความกลัวและสิ้นหวัง นางกุมมือเพอร์ซีอุสที่ยังเป็นทารกไว้แน่น และกระซิบกับเขา
"ลูกข้า หากเทพเจ้าทรงเมตตา เจ้าจะรอดพ้นจากชะตากรรมนี้ และเจ้าจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่"
โชคชะตาไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา หีบไม้ถูกพัดพาไปยังเกาะเซริฟอส (Seriphos) และถูกพบโดยชาวประมงใจดีนามว่า ดิกทิส (Dictys) เขาช่วยเหลือดาเนียและรับเลี้ยงเพอร์ซีอุสเสมือนลูกของตนเอง
บทที่ 2: ภารกิจแห่งวีรบุรุษ
เพอร์ซีอุสได้รับภารกิจ
เพอร์ซีอุสเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งและฉลาดหลักแหลม เขาได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักรบโดยชาวประมงดิกทิสและนักรบคนอื่นๆ แห่งเกาะเซริฟอส ชื่อเสียงของเขาเริ่มเป็นที่เลื่องลือในเรื่องความกล้าหาญ
แต่กษัตริย์โพลีเดคทีส (Polydectes) แห่งเซริฟอสไม่พอใจในตัวเพอร์ซีอุส เพราะเขาเองต้องการแต่งงานกับดาเนีย แต่เพอร์ซีอุสเป็นอุปสรรคขวางทาง
"เพอร์ซีอุส เจ้ากล้าท้าทายข้าหรือ? ถ้าเจ้าแน่จริง จงนำหัวของเมดูซ่ากลับมาให้ข้า!" โพลีเดคทีสกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"ข้ายอมรับคำท้า! ข้าจะนำหัวของเมดูซ่ากลับมาให้ท่าน!" เพอร์ซีอุสตอบโดยไม่รู้เลยว่านี่เป็นภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้
เมดูซ่าเป็นหนึ่งในสามพี่น้องกอร์กอน (Gorgons) และเป็นเพียงตนเดียวที่เป็นมนุษย์ หากผู้ใดสบตานางจะกลายเป็นหินทันที
เทพเจ้าประทานพร
เพอร์ซีอุสไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง เทพเจ้าหลายองค์ช่วยเหลือเขา:
- เฮอร์มีส (Hermes) มอบดาบคมกริบที่สามารถตัดหัวเมดูซ่าได้
- อธีนา (Athena) มอบโล่ขัดเงาให้เขาใช้เป็นกระจกเพื่อเลี่ยงการสบตาเมดูซ่า
- เทพแห่งสายลมเหนือ ช่วยบอกทางไปยังพี่น้องเกรไอเอ (Graeae) ผู้เฝ้ารู้ที่ตั้งของกอร์กอน
ก่อนเดินทางไปสู่รังของเมดูซ่า เพอร์ซีอุสต้องเผชิญหน้ากับพี่น้องเกรไอเอ (Graeae) ซึ่งมีเพียงดวงตาเดียวที่ใช้ร่วมกัน
"บอกข้าที่อยู่ของเมดูซ่า มิฉะนั้น ข้าจะไม่คืนดวงตาของพวกเจ้า!" เพอร์ซีอุสกล่าวขณะแย่งดวงตาไปจากมือของพวกนาง
เหล่าเกรไอเอขู่เขาด้วยเสียงกระซิบที่สั่นสะท้าน แต่ไม่มีทางเลือกจึงบอกที่อยู่ของเมดูซ่าแก่เขา
บทที่ 3: การเผชิญหน้ากับเมดูซ่า
การเดินทางสู่รังของกอร์กอน
เพอร์ซีอุสเดินทางผ่านหุบเขาที่ยาวไกล ฝ่าพายุที่โหมกระหน่ำ คลื่นทะเลที่ปั่นป่วนและท้องฟ้าที่มืดครึ้มตลอดเส้นทาง เขามุ่งหน้าสู่ดินแดนต้องสาปของกอร์กอน ดินแดนแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงันและอากาศอันหนาวเย็นอย่างผิดธรรมชาติ ราวกับไม่มีชีวิตใดกล้าอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้
เบื้องหน้าของเพอร์ซีอุสเต็มไปด้วยรูปปั้นหิน พวกมันไม่ได้ถูกสกัดขึ้นโดยช่างฝีมือ แต่มันคือร่างของมนุษย์ที่เคยมีชีวิต บัดนี้กลายเป็นหินเพราะสบตากับเมดูซ่า แต่ละรูปปั้นแสดงสีหน้าหวาดกลัวและเจ็บปวด บางตัวยังกำหมัดไว้แน่น บางตัวกางแขนราวกับพยายามป้องกันตัวเองจากสิ่งที่มองไม่เห็น ภาพเหล่านี้ทำให้หัวใจของเพอร์ซีอุสเต้นระรัว
"ข้าจะต้องไม่เป็นหนึ่งในพวกเขา..." เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะกำดาบที่เฮอร์มีสมอบให้แน่นขึ้น
เสียงลมพัดผ่านทำให้ใบไม้กรอบแกรบ และเงาของพวกงูที่เลื้อยอยู่ไกล ๆ ทำให้เพอร์ซีอุสยิ่งตื่นตัว เขารู้ว่าทุกย่างก้าวอาจเป็นกับดักแห่งความตาย สติของเขาต้องอยู่กับตัวตลอดเวลา เขายกโล่ของอธีนาขึ้น ใช้เงาสะท้อนในโล่แทนการมองตรงไปข้างหน้า เขาหายใจลึก ๆ และเดินเข้าไปในใจกลางของดินแดนแห่งคำสาป ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำของเมดูซ่า
บทที่ 4: ชัยชนะเหนือเมดูซ่า
การเผชิญหน้ากับเมดูซ่า
ถ้ำของเมดูซ่าเย็นเยียบและเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจของสัตว์ร้าย ด้านในเต็มไปด้วยซากรูปปั้นมนุษย์ที่เคยเป็นนักรบผู้กล้า แต่บัดนี้กลายเป็นหินเพราะสบตานาง พื้นปูไปด้วยรอยแตกและรอยกรงเล็บ สัญญาณแห่งความตายล่องลอยในอากาศ
เพอร์ซีอุสเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นระรัว โล่เงาของอธีนาในมือสะท้อนภาพร่างของเมดูซ่า นางกำลังนอนหลับ แต่เส้นผมของนาง—ซึ่งแท้จริงคือเหลืองูพิษ—ยังคงเคลื่อนไหวส่งเสียงฟู่ฟ่อราวกับรู้สึกถึงผู้บุกรุก
"เพอร์ซีอุส เจ้าอย่าได้เผลอสบตานางเป็นอันขาด!" เสียงของอธีนาแว่วมาในความคิดของเขา
เขาขยับเข้าไปใกล้ พลางสูดลมหายใจลึก ดาบในมือของเขาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เพอร์ซีอุสยกดาบขึ้น เหลือบมองภาพสะท้อนในโล่ แล้วตวัดดาบลงอย่างรวดเร็ว เสียงเฉือนดังสนั่นทั่วถ้ำ ศีรษะของเมดูซ่าถูกตัดขาดจากร่างของนาง ดวงตาของนางยังเปิดค้าง แต่บัดนี้ไร้ซึ่งชีวิต
เลือดสีดำทะลักออกจากบาดแผลของเมดูซ่าและไหลซึมลงสู่พื้นหินของถ้ำ กลิ่นของมันฉุนเฉียวและอบอวลไปทั่ว ดินแดนแห่งความตายแห่งนี้ไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป ทันใดนั้น คลื่นพลังบางอย่างสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่ จากกองเลือดที่ไหลริน ม้าบินเพกาซัส (Pegasus) ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ที่มีปีกใหญ่โตขยับอย่างสง่างาม และข้างกายมันคือไครซาออร์ (Chrysaor) นักรบผู้ทรงพลังที่ถือดาบสีทองเปล่งประกาย
เพอร์ซีอุสจ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่เคยมีผู้ใดเล่าขานว่าเมดูซ่าจะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ทว่าตอนนี้ เขาต้องรีบหนีไปก่อนที่เหล่าพี่น้องกอร์กอนจะมาถึง
"ข้าไม่มีเวลามาสงสัยแล้ว!" เพอร์ซีอุสพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะรีบก้าวไปหยิบศีรษะของเมดูซ่าใส่ลงในถุงพิเศษอย่างระมัดระวัง
ในขณะที่เขากำลังจะหาทางออกจากถ้ำ เสียงคำรามกึกก้องดังก้องขึ้นทั่วทั้งดินแดน มันคือเสียงของพี่น้องของเมดูซ่า—สเธโน (Stheno) และยูริอาลี (Euryale) พวกนางสัมผัสได้ถึงการตายของพี่สาว และกำลังตามล่าผู้ที่ลงมือสังหารนาง
"เจ้าไม่อาจหนีไปได้ มนุษย์น้อย!" เสียงแหลมของยูริอาลีดังก้องถ้ำ
เพอร์ซีอุสรู้ดีว่าหากเขาเผชิญหน้ากับพวกนางโดยตรง เขาย่อมไม่มีทางรอด ด้วยความรวดเร็ว เขากระโจนขึ้นไปบนหลังของเพกาซัส ม้าที่เพิ่งถือกำเนิดกลับเชื่องราวกับรับรู้ถึงภารกิจของเขา ปีกของมันกระพือขึ้นครั้งหนึ่ง ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน หนีห่างจากอาณาจักรแห่งความตายนี้
ขณะที่เพอร์ซีอุสโบยบินออกจากถ้ำ เสียงคำรามของเหล่ากอร์กอนยังดังไล่หลัง แต่พวกนางไม่สามารถติดตามขึ้นไปบนฟ้าได้ ขณะนั้นเอง เพอร์ซีอุสเหลือบมองศีรษะของเมดูซ่าที่อยู่ในถุง ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
"ข้าทำได้แล้ว... ข้าสังหารเมดูซ่าได้แล้ว... แต่ภารกิจของข้ายังไม่จบเพียงเท่านี้"
เพอร์ซีอุสหอบหายใจ ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้จะอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของดินแดนต้องสาป แต่หัวใจของเขากลับเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและความหวาดระแวง เขาหันไปมองข้างหลัง เห็นเงาของพี่น้องกอร์กอนที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามของพวกนางดังก้องขึ้นทั่วหุบเขา
"มันต้องไม่หนีไปได้! ฆ่ามัน!"
เสียงแหลมสูงของยูริอาลี (Euryale) แทรกผ่านความเงียบ เพอร์ซีอุสรู้ดีว่าเขามีเวลาไม่มาก ก่อนที่พวกนางจะไล่ตามมาทัน เขากระชับถุงที่บรรจุศีรษะของเมดูซ่าไว้แน่น ก่อนจะก้มมองม้าที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น เพกาซัสกระพือปีกของมันอย่างทรงพลัง มันมองเพอร์ซีอุสราวกับจะบอกว่า “จงขึ้นข้าและบินออกไปเดี๋ยวนี้”
"ไปกันเถอะ เพกาซัส!" เพอร์ซีอุสกล่าวขณะกระโดดขึ้นบนหลังม้าศักดิ์สิทธิ์
ทันทีที่เขาขึ้นขี่ เพกาซัสทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ลมแรงพัดผ่านใบหน้าของเพอร์ซีอุสอย่างรุนแรง ดินแดนแห่งความมืดค่อย ๆ ไกลออกไปเบื้องล่าง แต่เสียงคำรามของกอร์กอนยังคงดังอยู่
"ข้าจะกลับไป... ข้าจะนำสิ่งนี้ไปให้กษัตริย์โพลีเดคทีส และข้าจะทวงคืนศักดิ์ศรีของมารดาข้า!"
แววตาของเพอร์ซีอุสแข็งกร้าว เขาไม่ใช่เพียงชายหนุ่มธรรมดาอีกต่อไป เขาคือวีรบุรุษ—นักรบผู้พิชิตปีศาจ และภารกิจของเขายังไม่จบเพียงเท่านี้
บทที่ 5: ช่วยเหลือเจ้าหญิงอันโดรเมดา
การเดินทางกลับและการพบอันโดรเมดา
ขณะเพอร์ซีอุสบินกลับบ้านผ่านดินแดนอีธิโอเปีย เขาได้พบภาพที่ทำให้หัวใจเต้นแรง กลางมหาสมุทรใกล้ชายฝั่ง มีหญิงสาวนามว่าอันโดรเมดา (Andromeda) ถูกล่ามโซ่ไว้กับโขดหินสูง
"นั่นคือใคร? นางกำลังถูกลงโทษหรือ?" เพอร์ซีอุสถามตนเองขณะร่อนลง
เมื่อเข้าไปใกล้ เขาเห็นดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
"ได้โปรด ช่วยข้าด้วย! ข้าถูกมอบเป็นเครื่องสังเวยให้แก่คราเคน!" นางร้องขอ
กษัตริย์เซฟิอุส (Cepheus) และราชินีแคสสิโอเปีย (Cassiopeia) แห่งอีธิโอเปียยืนมองจากริมฝั่ง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาเล่าให้เพอร์ซีอุสฟังว่าเพราะความโอหังของแคสสิโอเปียที่กล่าวว่านางงามกว่านางพรายทะเล (Nereids) เทพโพไซดอนจึงลงโทษพวกเขาด้วยการปล่อยคราเคน (Kraken) มาโจมตีอาณาจักร และมีเพียงอันโดรเมดาที่สามารถช่วยชาติบ้านเมืองได้
ทันใดนั้น ผืนน้ำปั่นป่วน คลื่นยักษ์ซัดกระแทกโขดหิน และร่างมหึมาของคราเคนก็ปรากฏขึ้นจากทะเล ดวงตาของมันจ้องอันโดรเมดาราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังล่าเหยื่อ
เพอร์ซีอุสตัดสินใจทันที เขาคว้าถุงที่ใส่ศีรษะของเมดูซ่าออกมา
"เผชิญหน้ากับโชคชะตาของเจ้า คราเคน!" เพอร์ซีอุสประกาศ พร้อมเปิดถุงออก
ทันทีที่ดวงตาของเมดูซ่าปรากฏ คราเคนก็ชะงัก การเคลื่อนไหวของมันช้าลง ก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆ กลายเป็นหิน และจมลงสู่ก้นทะเลอย่างไร้ชีวิต
เสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะดังกึกก้องไปทั่วชายฝั่ง กษัตริย์เซฟิอุสก้มศีรษะต่อเพอร์ซีอุสและมอบอันโดรเมดาให้เป็นภรรยา
"เจ้าคือผู้ช่วยชีวิตอาณาจักรของข้า เพอร์ซีอุส! นางจะเป็นภรรยาของเจ้าตามที่เจ้าประสงค์!" กษัตริย์กล่าว
เพอร์ซีอุสมองอันโดรเมดาด้วยความอ่อนโยน นางยังคงสั่นสะท้านจากความหวาดกลัวเมื่อครู่ แต่ในดวงตาของนางฉายแววแห่งความหวังและความขอบคุณ เพอร์ซีอุสเอื้อมมือไปจับมือนางไว้ อันโดรเมดาสบตาเขา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
"ขอบคุณท่าน เพอร์ซีอุส... ท่านช่วยชีวิตข้า และช่วยอาณาจักรของข้าไว้" นางกล่าวเสียงสั่นเครือ
"เจ้าปลอดภัยแล้ว อันโดรเมดา ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายเพียงลำพังได้" เพอร์ซีอุสตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เสียงโห่ร้องจากประชาชนดังกึกก้องไปทั่ว กษัตริย์เซฟิอุสและราชินีแคสสิโอเปียก้าวออกมาจากฝูงชน พระพักตร์ของพระองค์เต็มไปด้วยความปลื้มปิติ
"เพอร์ซีอุส เจ้าไม่เพียงแต่ช่วยบุตรสาวของข้า เจ้าช่วยเหลืออาณาจักรของเราด้วย! พวกเราติดหนี้บุญคุณเจ้าชั่วชีวิต" กษัตริย์กล่าว
"หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์ ข้าปรารถนาจะรับอันโดรเมดาเป็นภรรยา ข้าสัญญาว่าจะปกป้องนางตราบจนสิ้นลมหายใจ" เพอร์ซีอุสกล่าวด้วยความจริงใจ
กษัตริย์เซฟิอุสพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปหาอันโดรเมดา
"บุตรสาวของข้า เจ้าจะยอมรับข้อเสนอของเพอร์ซีอุสหรือไม่?"
อันโดรเมดาสบตาบิดาของนาง จากนั้นหันกลับมามองเพอร์ซีอุส นางเห็นความมุ่งมั่นในดวงตาของเขา นางรู้ดีว่าชายผู้นี้คือผู้ที่ฟ้าส่งมาเพื่อช่วยเหลือนาง
"ข้ายอมรับด้วยความเต็มใจ" นางกล่าวพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข
และแล้ว เพอร์ซีอุสและอันโดรเมดาก็ได้สาบานรักต่อกัน ท่ามกลางเสียงเฉลิมฉลองของประชาชน และแสงอาทิตย์ที่เริ่มส่องประกายเหนืออาณาจักรที่ได้รับการปลดปล่อยจากเงามืดของคราเคน
บทที่ 6: การแก้แค้นและบทสรุปของตำนาน
กลับสู่เซริฟอสและการล้างแค้น
หลังจากชัยชนะของเขา เพอร์ซีอุสกลับไปยังเซริฟอสเพื่อล้างแค้นกษัตริย์โพลีเดคทีส ผู้ที่เคยส่งเขาไปสู่ความตาย การเดินทางกลับครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อแสดงชัยชนะ แต่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่แม่ของเขา ดาเนีย ซึ่งถูกกดขี่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ผู้โหดร้าย
เมื่อเพอร์ซีอุสเดินเข้าไปในพระราชวังของโพลีเดคทีส บรรยากาศเงียบงัน ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา บรรดาทหารและข้าราชสำนักต่างรู้ดีว่าเขาคือผู้ที่กลับมาจากภารกิจที่ไม่มีวันรอด
"เจ้า... เจ้ากลับมาได้อย่างไร!" โพลีเดคทีสอุทาน สีหน้าของเขาแสดงถึงความตกใจและหวาดกลัว
"ข้ากลับมาพร้อมของที่ท่านร้องขอ" เพอร์ซีอุสกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาแน่วแน่ เขาค่อย ๆ เปิดถุงที่สะพายไว้ด้านข้าง
โพลีเดคทีสหัวเราะเย้ยหยัน ร่างของเขาเอนพิงบัลลังก์ด้วยความมั่นใจ
"เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวอะไรงั้นหรือ? เจ้าไม่มีทางสังหารข้าได้!"
เพอร์ซีอุสไม่พูดอะไรอีก เขาคว้าศีรษะของเมดูซ่าออกมา ดวงตาที่เคยเป็นอาวุธแห่งความตายของนางยังคงฉายแสงอำนาจอันร้ายกาจ เมื่อดวงตาของโพลีเดคทีสสบเข้ากับดวงตาของเมดูซ่า ร่างของเขาก็แข็งค้าง ท่าทางของเขายังคงเป็นสีหน้าของผู้ที่ประหลาดใจ และในพริบตา ร่างของเขาก็กลายเป็นหิน
เหล่าข้าราชสำนักหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว หลายคนพยายามวิ่งหนี แต่ไม่อาจรอดพ้นได้ ทหารและขุนนางที่จงรักภักดีต่อโพลีเดคทีสต่างกลายเป็นรูปปั้นหินภายในเวลาไม่กี่วินาที พระราชวังที่เคยเป็นสถานที่แห่งความอธรรมบัดนี้กลับกลายเป็นสุสานแห่งหิน
เพอร์ซีอุสเดินเข้าไปหามารดาของเขา ซึ่งตอนนี้เป็นอิสระจากการถูกกดขี่ ดาเนียโผเข้ากอดบุตรชายของนาง น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความปลื้มปิติ
"ลูกของข้า... เจ้ากลายเป็นวีรบุรุษที่แท้จริงแล้ว!"
"แม่ ข้าสัญญาว่าข้าจะปกป้องท่านเสมอ ไม่มีผู้ใดจะมาทำร้ายท่านได้อีกต่อไป" เพอร์ซีอุสกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
และแล้ว เซริฟอสก็ได้รับการปลดปล่อยจากการปกครองที่โหดร้าย เพอร์ซีอุสไม่ได้อ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ แต่ส่งมอบอำนาจให้แก่ดิกทิส ชายผู้เคยช่วยเหลือเขาและมารดาของเขาในวัยเยาว์
จากนั้น เพอร์ซีอุสเดินทางออกจากเซริฟอสพร้อมอันโดรเมดา มุ่งหน้าสู่โชคชะตาที่รออยู่ข้างหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เขาได้สลักชื่อของตนลงในหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ไม่เพียงแต่เอาชนะสัตว์ร้าย แต่ยังคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้ที่ถูกกดขี่
บทสรุปแห่งตำนาน
หลังจากนั้น เพอร์ซีอุสเดินทางกลับสู่อาร์กอสโดยไม่รู้ชะตากรรมที่ถูกลิขิตไว้ การกลับบ้านครั้งนี้เต็มไปด้วยความยินดี ชาวเมืองให้การต้อนรับเขาในฐานะวีรบุรุษผู้ปราบเมดูซ่าและช่วยเหลืออันโดรเมดา แต่ในอีกมุมหนึ่ง คำพยากรณ์เก่ากำลังเฝ้ารอให้มันเป็นจริง
ในวันแห่งการแข่งขันกีฬาของนครอาร์กอส เพอร์ซีอุสได้รับเชิญให้เข้าร่วมเพื่อเป็นเกียรติแก่นครและราชวงศ์ เขายืนอยู่ท่ามกลางนักกีฬาชั้นนำ แขนของเขาถูกล้อมด้วยพวงมาลัยแห่งชัยชนะ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของฝูงชน เขารู้สึกภาคภูมิใจในเกียรติที่ได้รับ
การแข่งขันจักรเริ่มขึ้น เพอร์ซีอุสก้าวเข้าสู่สนาม เขาหยิบจักรขึ้นมา น้ำหนักของมันหนักแน่นในมือ เขาหายใจลึก ขณะที่ฝูงชนต่างจับจ้องด้วยความคาดหวัง
"เจ้าจะขว้างให้ได้ไกลที่สุดใช่หรือไม่?" นักกีฬาคนหนึ่งถามเขาด้วยรอยยิ้ม
"ข้าจะทำให้ดีที่สุด ไม่เพียงเพื่อชัยชนะ แต่เพื่อเป็นเกียรติแก่นครของข้า" เพอร์ซีอุสตอบด้วยความมั่นใจ
เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย หมุนตัวเพื่อสะสมแรง ก่อนจะเหวี่ยงจักรออกไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี จักรหมุนคว้างกลางอากาศด้วยความเร็วสูง พุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยพลังมหาศาล ทว่าชะตากรรมไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
จักรพุ่งออกนอกสนาม มันหมุนคว้างไปกระทบเข้ากับร่างของชายชราผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ร่างนั้นคือกษัตริย์อคริเซียส ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะล้มลงกับพื้น เสียงฝูงชนเปลี่ยนจากเสียงเชียร์เป็นเสียงร้องตกใจทันที
เพอร์ซีอุสเบิกตากว้าง เขารีบวิ่งไปหาชายชราผู้ที่เคยเป็นศัตรูของเขา แต่ก็บิดาของมารดาเขาด้วย กษัตริย์อคริเซียสหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่ชีวิตของเขาจะดับลง ความเงียบงันปกคลุมสนามการแข่งขัน
"ข้า... ข้าไม่ได้ตั้งใจ..." เพอร์ซีอุสพึมพำ ความเศร้าและความตกตะลึงฉายชัดบนใบหน้าของเขา
ชาวเมืองต่างซุบซิบกันถึงคำพยากรณ์ที่เป็นจริงแล้วในที่สุด ไม่มีใครกล่าวโทษเขา เพราะทุกคนรู้ว่ามันเป็นโชคชะตาที่ไม่มีใครอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เพอร์ซีอุสกลับรู้สึกถึงความหนักอึ้งในหัวใจ
เขายืนมองร่างของกษัตริย์อคริเซียสด้วยความสำนึกผิด แต่ก็ด้วยความเข้าใจว่า ไม่มีผู้ใดอาจต่อต้านโชคชะตาได้ แม้แต่วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ตาม
















