MBA คือหลักสูตรพัฒนาศักยภาพที่สามารถต่อยอดได้หลายอาชีพ

สำหรับคนที่เรียนจบปริญญาตรีแล้วต้องการเรียนต่อปริญญาโทในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะในทางธุรกิจ หรือต้องการพัฒนาทักษะทางด้านสายอาชีพที่ใกล้เคียง การเรียนต่อหลักสูตร MBA อาจเป็นอีก 1 ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับใครหลายคน

แต่หลักสูตร MBA และหลักสูตร Bussiness ของปริญญาโททั่วไป เรียกได้ว่ามีความคล้ายคลึงกันเลยก็ว่าได้ เพียงแต่หลักสูตร MBA คือหลักสูตรนานาชาติที่มีการเน้นรูปแบบการเรียนที่แตกต่างกัน ซึ่งหากใครที่กำลังลังเล และไม่รู้ว่าควรเลือกเส้นทางไหน ผมจะพาไปทำความรู้จักและเจาะลึกกับ คณะ MBA คืออะไร แล้วมีรูปแบบการเรียนอย่างไรบ้าง

MBA คืออะไร? เป็นหลักสูตรปริญญาโทรูปแบบไหน

MBA คือ หลักสูตรการเรียนรู้ที่มีหลายสาขาวิชา โดยมีชื่อเต็มว่า Master of Business Administration ซึ่งมีบทเรียนที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการทำธุรกิจ รวมไปถึงการต่อยอดสาขาอาชีพอื่น ๆ ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นผู้นำ วางแผนการเงิน วางแผนการตลาด และกลยุทธ์ทางเศรษฐศาสตร์ 

ซึ่งแต่ละหลักสูตร MBA คือบทเรียนที่จะถูกแบ่งออกเป็นวิชาที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการการศึกษาของผู้เรียนได้อย่างครอบคลุม ซึ่งจุดมุ่งหมายกลักของการเรียน MBA คือ การพัฒนาผู้นำที่มีความสามารถในการคิดเชิงกลยุทธ์ การแก้ไขปัญหา และการตัดสินใจในระดับสูง

หลักสูตร MBA VS หลักสูตรปริญาโททั่วไป มีความต่างกันยังไงบ้าง

พอจะเข้าใจกันแล้วว่าหลักสูตร MBA คืออะไร มีการเรียนการสอนประมาณไหน แล้วสามารถพัฒนาทักษะของเราในด้านไหนบ้าง คำถามต่อมาคือการเรียนปริญญาโท MBA คือสิ่งที่มีความแตกต่างกับการเรียนหลักสูตร Bussiness ปริญญาโททั่วไปอย่างไร ซึ่งเราเปรียบเทียบไว้ให้แล้ว มาลองดูกัน

• เวลาเรียนที่แตกต่าง ซึ่งการเรียนสาขา MBA คือหลักสูตรเต็มเวลา แต่ปริญญาโททั่วไปจะมีเวลาเรียนที่ยืดหยุ่นกว่า
• การแตกแขนงทางสายอาชีพ ซึ่งการเรียนหลักสูตร MBA เน้นการพัฒนาทักษะเพื่อเป็นผู้บริหาร แต่การปริญญาโททั่วไปเป็นการเรียนรู้เน้นวิจัยแบบเฉพาะ
• ทฤษฎี และ ปฏิบัติ สำหรับการเรียน MBA จะเป็นการเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติจริง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานอย่างเต็มที่ แต่การเรียนปริญญาโททั่วไปจะเป็นการเน้นทฤษฎีมากกว่า
• สิ่งที่ต้องการ หลักสูตร MBA ต้องการให้ผู้เรียนพัฒนาด้านการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่หลักสูตรปริญญาโททั่วไปช่วยพัฒนาด้านการทำงานวิจัยและวิเคราะห์

ข้อดีของการเรียนหลักสูตร MBA ที่พัฒนาทักษะได้อย่างตรงจุด

แม้เปรียบเทียบความต่างไปแล้วระหว่างการเรียนปริญญาโททั่วไป และการเรียน MBA คือเป็นรูปแบบการเรียนที่มีทั้งข้อดีข้อเสียสลับกันไป แต่แน่นอนว่าการเรียนหลักสูตร MBA มีของดีของตัวเองอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น

1. มีโอกาสได้อาชีพที่ดีขึ้น เนื่องจาก MBA เป็นหลักสูตรชั้นนำที่หลายประเทศมั่นใจ
2. ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ จากผู้ที่เรียนด้วยกัน พร้อมได้ Connection ดี ๆ ในเชิงธุรกิจ
3. บทเรียนมีการเจาะลึกอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้เรียนนำทักษะที่ได้ไปปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. นอกจากบทเรียนเพื่อการทำธุรกิจ ยังสามารถนำทักษะมากมายไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
5. ได้ความรู้และทักษะทางธุรกิจที่ครอบคลุม และสามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

หลักสูตรการพัฒนาทักษะทางธุรกิจ MBA เหมาะกับใครบ้าง

การเรียน MBA คือหลักสูตรที่ต้องพูดตามตรงว่าไม่ใช่ใครก็เรียนได้ เนื่องจากทั้งค่าเรียนที่แพง แถมยังต้องการทักษะอื่น ๆ ร่วมด้วยในการเรียนหลักสูตรปริญญาโทตัวนี้ เช่น 

• ผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานแล้วตั้งแต่ 2 - 5 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีผลต่อความต่อเนื่องในการเรียนรู้เพิ่มเติม
• ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน ซึ่งหลักสูตร MBA สามารถพัฒนาแตกแขนงไปได้หลายอาชีพ
• ผู้ที่สนใจการเป็นผู้บริหาร หรือผู้นำองค์กร ช่วยพัฒนาทักษะในการคิดเชิงกลยุทธ์ การบริหารทีม การตัดสินใจในระดับสูง และการจัดการปัญหาในองค์กร
• ผู้ที่ต้องการพัฒนาตัวเอง สำหรับผู้นำทีมที่และต้องการพัฒนาทักษะในการบริหารงาน การตัดสินใจ และการวางกลยุทธ์ MBA เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

เรียนจบสายการเรียน MBA ต่อยอดอาชีพไหนได้บ้าง

หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าหลังจากเรียน MBA จบแล้ว นอกจากการเป็นผู้บริหารธุรกิจสามารถเป็นอะไรได้อีกบ้าง ซึ่งการเรียนหลักสูตร MBA คือรูปแบบการเรียนที่สามารถต่อยอดทางอาชีพได้หลากหลาย ฉะนั้นเราลองมาดูกันครับว่าสามารถต่อยอดสายอาชีพด้านไหนได้อีกบ้าง

1. งานด้านบัญชี (Accounting) เช่น ผู้จัดการฝ่ายบัญชี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี ผู้ตรวจสอบภายใน เป็นต้น ฐานเงินเดือนจะเริ่มต้นอยู่ที่ 18,000 - 30,000 บาท
2. งานด้านการจัดการธุรกิจ (Business Management) เช่น ผู้จัดการทั่วไป ผู้บริหารฝ่าย CEO เป็นต้น โดยฐานเงินเดือนจะเริ่มต้นอยู่ที่ 18,000 - 40,000 บาท
3. งานด้านการเงิน (Finance) เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการกองทุน นักวิเคราะห์ทางการเงิน  เป็นต้น โดยฐานเงินเดือนจะเริ่มต้นอยู่ที่ 22,000 - 32,000 บาท
4. งานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เช่น ผู้จัดการโครงการ IT ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ปรึกษาด้านระบบธุรกิจ โดยฐานเงินเดือนจะเริ่มต้นอยู่ที่ 22,000 - 40,000 บาท
5. งานด้านธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business) เช่น ผู้จัดการฝ่ายนำเข้าและส่งออก ที่ปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ เป็นต้น โดยฐานเงินเดือนจะเริ่มต้นอยู่ที่ 22,000 - 50,000 บาท

MBA คือหลักสูตรปริญญาโท ที่สามารถต่อยอดสายอาชีพได้หลากหลาย

การเรียนหลักสูตร MBA นอกจากการต่อยอดเป็นนักธุรกิจหรือผู้บริหารโดนตรง ยังสามารถเป็นได้อีกหลายอาชีพ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเชี่ยวชาญของแต่ละคน อีกทั้งยังถือเป็นหลักสูตรปริญญาโทที่ให้ประสบการณ์ทำงานจริงกับผู้เรียนได้อย่างดี เพราะว่า MBA คือรูปแบบการเรียนที่เน้นปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี ทำให้เมื่อเข้าสู่โลกของการทำงาน จะสามารถดึงความสามารถที่ได้ออกมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด