10 นิสัยที่ทำให้อ้วนโดยไม่รู้ตัว
การรับประทานอาหารที่มากเกินไปโดยเฉพาะอาหารที่มีแคลอรี่สูง ส่งผลให้เกิดการสะสมในร่างกายในรูปของไขมัน จนน้ำหนักเกินและเกิดโรคอ้วน ในความเป็นจริง พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดูเหมือนธรรมดาหลายๆ อย่างอาจเป็นแรงผลักดันที่มองไม่เห็นเบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักก็ได้ หากไม่เปลี่ยน 10 นิสัยนี้ น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
- รับประทานอาหารเร็วเกินไป
การทานอาหารเร็วเกินไปก็อาจทำให้เป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินได้ง่าย เนื่องจากสมองไม่มีเวลาที่จะรับข้อมูลเพียงพอ จึงทำให้บริโภคแคลอรีเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แนะนำให้เคี้ยวอาหารช้าๆ และรับประทานจนอิ่มประมาณ 70%
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป
หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะรู้สึกกระหายน้ำ ซึ่งร่างกายจะเข้าใจผิดว่าเป็นความหิวหรือความอยากอาหาร ทำให้คอยมองหาอาหารใส่ปาก
- กินตอนดึก
การรับประทานอาหารตอนดึก ส่งผลต่อการเผาผลาญของร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องเก็บอาหารไว้ในร่างกาย ยิ่งถ้าทานอาหารแคลอรี่สูง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารทอด ก็จะยิ่งส่งผลต่อน้ำหนัก
- การนั่งเป็นเวลานาน
การนั่งนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอ ทำให้ไขมันสะสมและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ดังนั้นควรลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวร่างกายหลังจากทำงานทุกๆ 15นาที
- การนอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลต่อสมดุลของฮอร์โมน ทำให้เกรลินและเลปตินไม่สมดุล และทำให้สมองอยากอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
- ความเครียดสูง
นอกเหนือจากการนอนหลับแล้ว ความเครียดที่สูงยังส่งผลต่อฮอร์โมนอีกด้วย ทำให้ระดับคอร์ติซอลสูงขึ้น ส่งผลให้อยากกินอาหารแคลอรีสูงและขนมหวาน และยังอาจทำให้กินมากเกินไปและอารมณ์แปรปรวนได้อีกด้วย การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีการเชื่อมโยงระหว่างความเครียดต่อเนื่องกับไขมันหน้าท้อง
- โปรตีนไม่เพียงพอ
โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับพลังงานของร่างกาย โปรตีนทำให้รู้สึกอิ่มมากกว่าคาร์โบไฮเดรตและไขมัน และยังให้ผลทางความร้อนต่ออาหารสูงกว่าด้วย โปรตีนสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญพื้นฐาน รักษามวลกล้ามเนื้อระหว่างการสูญเสียไขมัน และลดอัตราการสูญเสียกล้ามเนื้อ ดังนั้นการขาดโปรตีนในระยะยาวสามารถทำให้เกิดโรคซาร์โคพีเนียหรือภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อได้ง่าย
- ใยอาหารไม่เพียงพอ
ใยอาหารสามารถยืดเวลาการย่อยอาหาร เพิ่มความอิ่ม ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรับประทานผักก่อนอาหาร จะช่วยให้อิ่มท้องได้อีกด้วย
การรับประทานไฟเบอร์เพิ่มขึ้น 14 กรัมต่อวันอาจช่วยลดการบริโภคแคลอรี่ได้ถึง 10% ซึ่งสามารถนำไปสู่การลดน้ำหนักได้ 1.9 กิโลกรัมในเวลา 4 เดือน
- ชอบจิ้มน้ำจิ้ม
ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มสุกี้ยากี้ น้ำจิ้มแจ่วหรือแม้แต่น้ำสลัดก็ตาม ล้วนเป็นการบริโภคไขมันส่วนเกิน ตัวอย่างเช่น น้ำสลัดซีซาร์ 30 กรัม มีแคลอรีประมาณ 130 ถึง 180 แคลอรี แนะนำให้เปลี่ยนเป็นโยเกิร์ตไร้น้ำตาลหรือน้ำส้มสายชูจากผลไม้ธรรมชาติแทน
- การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
ระดับน้ำตาลในเลือดและฮอร์โมนที่ไม่คงที่อาจส่งผลต่อความอยากอาหาร เพิ่มความอยากอาหารแคลอรีสูง และยังส่งผลต่อการเผาผลาญและการย่อยอาหารอีกด้วย














