คนส่วนใหญ่ก่อกรรมในฐานะผู้ถูกกระทำ น้อยคนที่เริ่มเกื้อกูลก่อน
กรรมของคนส่วนใหญ่
เกิดจากการถูกโลกเหนี่ยวนำ
หรือไม่ก็เกิดจากการโต้ตอบกับโลก
ในฐานะผู้ถูกกระทำ
เมื่อเกิดมา
ทารกถูกผู้เลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อม
ชักนำให้เกิดความเห็นดีเห็นงาม
ตามพฤติกรรมดีเลวต่างๆ
เมื่อเริ่มโตขึ้น
คนเราต้องโต้ตอบกับเรื่องน่าชอบใจ
หรือเรื่องที่ไม่ได้อย่างใจ
แม้ถูกด่าทออย่างไม่สมเหตุสมผล
แม้ถูกเอารัดเอาเปรียบแบบหาความยุติธรรมไม่ได้
แม้ถูกกระทำต่างๆนานา
แต่ละคนก็เลือกที่จะโต้ตอบไม่เหมือนกัน
เริ่มจากมุมมองส่วนตัวว่า
ยอมได้ หรือยอมไม่ได้
แล้วกลายเป็นความคิด
บุ่มบ่าม หรือการวางแผนโต้ตอบ
พัฒนาขึ้นเป็นการพูด การทำ
ในทางเกื้อกูลกัน หรือเบียดเบียนกลับ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
น้อยที่จะเป็นตัวของตัวเอง
ด้วยการริเริ่มเกื้อกูลก่อน หรือเบียดเบียนก่อน
และเพราะเหตุนั้น
ผลของกรรมที่ได้รับส่วนใหญ่
จึงเป็นไปแบบเหมือนๆกัน
ไหลๆตามกัน
กรรมที่ทำให้มีความเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง
ตั้งเค้าจากการฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
เกิดศรัทธาปสาทะ
ต่อยอดเป็นแรงบันดาลใจที่จะริเริ่มคิดดีเอง
ตั้งใจประกอบกุศลธรรมด้วยตนเอง
โดยไม่ต้องรอใครชักชวน
ไม่หลงเชื่อการเป่าหูของฝ่ายอธรรมโดยง่าย
เมื่อประกอบกุศลธรรมทั้งหลายจนชั่วชีวิต
ชีวิตนั้นจึงเป็นกองบุญใหญ่ สว่างไสว
เปิดโลกใหม่ให้ชีวิตต่อๆมาได้ดีมีสุข
มีปัจจัยบวกหนุนตั้งแต่เกิด
นับแต่พ่อแม่ ครูบาอาจารย์
เพื่อนสนิทมิตรสหาย หน้าที่การงาน
ตลอดจนคนรักและครอบครัวที่สมบูรณ์
เอื้อให้มีกำลังใจ
สามารถคิดเอง พูดเอง ทำเอง
ในแบบที่เป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน
ชีวิตดีๆ
ไหลมาจากความคิดดีๆ
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
และความคิดที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นไม่ได้
หากไม่รู้ทางดีที่สุดที่เป็นไปได้
จากกัลยาณมิตรเช่นพระพุทธเจ้า
จึงสมควรกล่าวแล้วว่า
พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
คือยอดแห่งกัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร
คือทั้งหมดของการประพฤติธรรม!















