น้อยคนที่โดนมาอย่างไรแล้วคิดไม่ทำอย่างนั้นกับคนอื่น
ทวนกระแสโลกเข้าสุ่กระแสธรรม
คนเราโดนมาอย่างไร
ก็ไปทำกับคนอื่นอย่างนั้น
น้อยนักที่โดนมาอย่างไร
แล้วคิดจะไม่ทำอย่างนั้นกับคนอื่นเด็ดขาด
กรรมของคนส่วนใหญ่
จึงเป็นไปเพื่ออารมณ์เศร้าหมองตามกัน
รู้ทั้งรู้ว่าผิด แต่ก็ไม่มีกำลังใจ
ไม่เป็นตัวของตัวเองพอจะทำให้ถูก
ขาดแรงบันดาลใจจะสร้างความเบิกบานให้คนอื่น
เพื่อจะได้ความเบิกบานกลับมาเป็นของตนเอง
ถูกเลี้ยงมาแบบไม่แยแส
ก็เลี้ยงคนอื่นแบบไม่แยแส
เคยโดนคนอื่นระบายอารมณ์ใส่ไว้อย่างไร
มีโอกาสก็ระบายอารมณ์ใส่คนอื่นอย่างนั้น
ตอนไม่มีเงิน
เคยถูกใครทิ้งขว้างไว้อย่างไร
ตอนมีเงิน
ก็ทิ้งขว้างคนอื่นอย่างนั้น
ตอนเป็นลูกน้อง
ถูกกดขี่มาอย่างไร
ตอนเป็นเจ้านาย
ก็กดขี่ลูกน้องอย่างนั้น
ต่อเมื่อมีธรรมเป็นหลัก เป็นกำลังใจ
นำตัวเองทวนกระแสโลกเข้าสู่กระแสธรรมได้
ความเคยชินแบบเตะมาเตะกลับจึงเปลี่ยนแปลง
เพราะรู้แล้วว่า ทุกคนมีกรรมเฉพาะตน
แต่ละคนทำกับคนอื่นเดี๋ยวเดียว
ทว่าสะสมนิสัย สะสมกองบุญกองบาปให้ตนเองนานๆ
และตนนั่นเอง ที่จะต้องเดินทางไกล
ไปพร้อมกับกองบุญกองบาปที่สะสมไว้
แม้แต่นิสัยทางความคิดประเภท
‘โดนอย่างไร ไม่ทำอย่างนั้น’
ก็ติดตามตัวจากชีวิตนี้ข้ามไปสู่ชีวิตอื่นได้
แม้ไม่ทราบว่านิสัยทางความคิดดีๆเกิดขึ้นเองได้อย่างไร
แต่ก็เต็มใจรักษานิสัยทางความคิดนั้นไว้ไม่เลิกรา
