เหตุการประวัติศาสตร์ 352 ปีก่อนคริสตกาล

ปี 352 ก่อนคริสต์กาล เป็นช่วงเวลาที่อารยธรรมสำคัญของโลกกำลังขยายอำนาจและเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการทหารอย่างมาก โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชีย ต่อไปนี้คือรายละเอียดที่ขยายความของเหตุการณ์สำคัญในปีนี้:

1. กรีกและสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่หนึ่ง (First Sacred War)

1.1 สงครามและชัยชนะของฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิดอน

•กรีกในช่วงเวลานี้มีความขัดแย้งระหว่างนครรัฐต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญคือ สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่หนึ่งจุดเริ่มต้นของสงครามเกิดจากการที่นครรัฐ ฟอไคส์ (Phocis) ถูกกล่าวหาว่ารุกล้ำดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของวิหารเดลฟี (Sanctuary of Delphi)สมาพันธ์เดลฟี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ธีบส์ (Thebes) และรัฐอื่น ๆ จึงทำสงครามกับฟอไคส์กษัตริย์ ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย ฉวยโอกาสเข้าร่วมสงครามนี้เพื่อเพิ่มอำนาจของตนเอง

1.2 การรบที่ครอกัส (Battle of Crocus Field)

•เป็นสมรภูมิสำคัญที่สุดของสงครามนี้ฟิลิปที่ 2 นำกองทัพมาซิโดเนียเข้าโจมตีกองกำลังของฟอไคส์ และได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดนี่เป็นการรบที่ใหญ่ที่สุดในกรีกยุคนั้น โดยกองทัพฟอไคส์เสียชีวิต             จำนวนมากฟิลิปที่ 2 ใช้ชัยชนะครั้งนี้เพื่อแสดงตนเป็นผู้นำของโลกกรีก และสามารถเข้าควบคุมดินแดนสำคัญหลายแห่งในภาคกลางของกรีซส่งผลให้ อำนาจของมาซิโดเนียเพิ่มขึ้นอย่างมาก และปูทางไปสู่การรวมกรีซภายใต้การปกครองของฟิลิป

 

2. สาธารณรัฐโรมัน (Roman Republic)

2.1 การขยายอำนาจของโรม

•ในขณะที่กรีซกำลังสู้รบกัน โรมันกำลังค่อย ๆ ขยายอิทธิพลในอิตาลีโรมในยุคนี้ยังไม่ได้เป็นจักรวรรดิ แต่ปกครองโดยระบบสาธารณรัฐ และกำลังเผชิญศึกกับชนเผ่าต่าง ๆ ในอิตาลีโรมันกำลังสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งและพัฒนาระบบกฎหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเมือง

 

3. จีน (ยุคนครรัฐ - Warring States Period)

3.1 การเติบโตของแคว้นฉิน (Qin)

•แคว้นฉิน (Qin) ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นจักรวรรดิจีน กำลังเริ่มแผ่อำนาจขึ้นเป็นช่วงที่แคว้นฉินเริ่ม ปฏิรูปกองทัพและระบบราชการ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งแคว้นอื่น ๆ เช่น ฉี (Qi), ฉู่ (Chu), และเว่ย (Wei) ต่างก็แข่งขันกันเพื่ออำนาจในภูมิภาคระบบศักดินาของจีนในเวลานี้กำลังเปลี่ยนแปลง และมีการนำกฎหมายมาใช้ในการบริหารมากขึ้น

 

4. จักรวรรดิเปอร์เซีย (Achaemenid Empire)

4.1 การปกครองของจักรวรรดิเปอร์เซีย

•จักรวรรดิเปอร์เซีย (Achaemenid Empire) ยังคงเป็นอาณาจักรที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกตะวันออกปกครองดินแดนกว้างขวางตั้งแต่ ตะวันออกกลาง อินเดียตอนเหนือ เอเชียกลาง ไปจนถึงอียิปต์อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ จักรวรรดิกำลังเริ่มเผชิญความขัดแย้งภายในและแรงกดดันจากรัฐอื่น ๆ

5. อียิปต์ (ราชวงศ์ที่ 30)

5.1 ความขัดแย้งภายในอียิปต์

•อียิปต์ในช่วงนี้อยู่ภายใต้การปกครองของ ราชวงศ์ที่ 30 ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของฟาโรห์ที่เป็นชาวอียิปต์มีความพยายามต่อต้านการรุกรานจากเปอร์เซีย ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามต่ออียิปต์มีการพัฒนาในด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีสงครามและความไม่มั่นคง

6.อินเดีย (India) ยุคมหาชนบท (Mahajanapada Period)

•อินเดียในช่วงนี้ยังคงอยู่ในยุค มหาชนบท ซึ่งเป็นช่วงที่มีรัฐอิสระจำนวนมาก (เรียกว่า มหาชนบท หรือ Mahajanapadas)มี 16 รัฐสำคัญ ที่แข่งขันกันเพื่ออำนาจ เช่น มคธ (Magadha), วัชชี (Vajji), โกศล (Kosala), และอวันตี (Avanti)แคว้นมคธ (Magadha) กำลังขยายอำนาจ และจะกลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในอีกไม่กี่ศตวรรษศาสนาฮินดู พุทธ และเชน กำลังแพร่หลาย โดยมีนักบวชและนักปรัชญาเริ่มเผยแพร่คำสอนในดินแดนต่าง ๆ

7.อเมริกา (Mesoamerica and Andean Civilizations)

อารยธรรมเมโสอเมริกาและแอนเดียนในช่วงเวลานี้ อารยธรรมมายา (Maya) ในเมโสอเมริกากำลังพัฒนา โดยมีนครรัฐต่าง ๆ เจริญรุ่งเรือง เช่น ตีกาล (Tikal) และ เอลมีราดอร์ (El Mirador)อารยธรรมโอลเมก (Olmec) ซึ่งเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ของอเมริกา กำลังอยู่ในช่วงปลายยุค และอิทธิพลของพวกเขากำลังถูกแทนที่ด้วยวัฒนธรรมที่ใหม่กว่าในเปรู อารยธรรมชาวโมเช (Moche) และนัซกา (Nazca) กำลังรุ่งเรือง โดยมีการสร้างเมืองและระบบชลประทานที่ซับซ้อน

8.สแกนดิเนเวีย (Scandinavia)ยุคก่อนยุคไวกิ้ง (Pre-Viking Age)

•สแกนดิเนเวียในเวลานี้ยังอยู่ในยุค ยุคเหล็กนอร์ดิก (Nordic Iron Age)ชาวนอร์ส (Norse) กำลังพัฒนาโครงสร้างสังคมเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ปกครองโดยหัวหน้าเผ่ามีการติดต่อกับยุโรปผ่านเส้นทางการค้า โดยเฉพาะการค้าสินค้าทองสัมฤทธิ์และอาวุธเหล็กวัฒนธรรมนอร์ดิกกำลังพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับศาสนาและเทพเจ้าที่ต่อมาจะกลายเป็นเทพเจ้าในตำนานไวกิ้ง

9.อังกฤษ (Britain)ยุคเหล็กบริเตน (Iron Age Britain)

•บริเตนในช่วงนี้ยังอยู่ในยุคของ ชนเผ่าเซลติก (Celtic Tribes)ชาวเซลต์กำลังตั้งถิ่นฐานอยู่ทั่วเกาะอังกฤษ โดยมีโครงสร้างทางสังคมที่เน้นชนชั้นนักรบและนักบวช (ดรูอิด - Druids)มีการสร้างป้อมปราการบนเนินเขา (Hillforts) และเริ่มมีเครือข่ายการค้ากับยุโรปยังไม่มีการปกครองแบบรวมศูนย์ แต่มีหัวหน้าเผ่าที่ปกครองดินแดนเล็ก ๆ

10.รัสเซีย (Russia)ยุคก่อนรัฐสลาฟ (Pre-Slavic Period)

•ดินแดนที่ปัจจุบันคือรัสเซีย ยังไม่มีรัฐหรืออาณาจักรที่เป็นปึกแผ่นมีชนเผ่าต่าง ๆ เช่น ฟินโน-อูกริก (Finno-Ugric) และสกีเธียน (Scythians) ตั้งรกรากอยู่ชาวสกีเธียนเป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่มีชื่อเสียงด้านการขี่ม้าและการรบการค้ากับกรีกเริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งมีอาณานิคมกรีกตั้งอยู่

11.เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ในปี 352 ก่อนคริสต์กาล

ในช่วงเวลานี้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่มีอาณาจักรขนาดใหญ่ที่เป็นปึกแผ่น แต่มีชุมชนและรัฐโบราณที่เริ่มพัฒนา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากจีนและอินเดีย

11.1. วัฒนธรรมดองซอน (Dong Son Culture) – เวียดนามตอนเหนือ

•วัฒนธรรม ดองซอน เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเจริญรุ่งเรืองในบริเวณเวียดนามตอนเหนือเป็นที่รู้จักจาก กลองสัมฤทธิ์ดองซอน ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการผลิตเครื่องมือโลหะขั้นสูงผู้คนในดองซอนมีวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและการเดินเรือ

11.2. ฟูนัน (Funan) – กัมพูชาและเวียดนามใต้ (อาจเริ่มต้นขึ้นแล้ว)

•แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าสังคมนี้ก่อตั้งขึ้นแล้วในปี 352 ก่อนคริสต์กาล แต่นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าอาณาจักร ฟูนัน ซึ่งเป็นอาณาจักรสำคัญแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจเริ่มมีรากฐานฟูนันเป็นอาณาจักรที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย และต่อมาจะกลายเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาและพราหมณ์-ฮินดู

11.3. หมู่เกาะอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์

•มีชุมชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งและใช้การเดินเรือเป็นหลักมีวัฒนธรรมโลหะ เช่น การใช้ทองสัมฤทธิ์และเหล็กผู้คนในแถบนี้เริ่มมีการค้าขายกับจีนและอินเดียโดยรวมแล้ว เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวลานี้ยังเป็น ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย และกำลังพัฒนาไปสู่การก่อตั้งรัฐโบราณ

12.ญี่ปุ่น (Japan) ในปี 352 ก่อนคริสต์กาล

ญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้ยังอยู่ใน ยุคยะโยอิ (Yayoi period, 300 ปีก่อนคริสต์กาล – 300 ค.ศ.) ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญต่อพัฒนาการของสังคมญี่ปุ่น

12.1. การเกษตรและการตั้งถิ่นฐานถาวร

•ผู้คนในญี่ปุ่นเริ่มทำเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกข้าวในที่ลุ่มน้ำมีการใช้เครื่องมือเหล็กและทองสัมฤทธิ์ซึ่งนำเข้ามาจากจีนและคาบสมุทรเกาหลีมีการตั้งหมู่บ้านถาวร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นของโครงสร้างทางสังคมที่ซับซ้อนขึ้น

12.2. การติดต่อกับจีนและเกาหลี

•ญี่ปุ่นเริ่มได้รับอิทธิพลจาก ราชวงศ์โจว (Zhou Dynasty) ของจีน และวัฒนธรรมของคาบสมุทรเกาหลีมีการรับเอาเทคนิคการทำเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องมือเหล็กจากแผ่นดินใหญ่

12.3. สังคมชนเผ่าและการปกครอง

•ญี่ปุ่นในยุคนี้ยังไม่มีอาณาจักรที่รวมศูนย์ แต่มีเผ่าต่าง ๆ ปกครองดินแดนของตนเผ่าที่มีอำนาจมากขึ้นอาจกลายเป็นรากฐานของรัฐโบราณ เช่น แว่นแคว้นยามาไต (Yamatai Kingdom) ที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายร้อยปีต่อมาโดยสรุป ญี่ปุ่นในปี 352 ก่อนคริสต์กาล กำลังพัฒนาไปสู่ยุคของสังคมเกษตรกรรมถาวร และเริ่มมีการติดต่อกับอารยธรรมที่ก้าวหน้ากว่า เช่น จีนและเกาหลี

13.เอเชียกลาง (Central Asia) ในปี 352 ก่อนคริสต์กาล

เอเชียกลางในช่วงเวลานี้เป็นภูมิภาคที่มีชนเผ่าเร่ร่อนและอารยธรรมเก่าแก่ที่มีอิทธิพลจากอาณาจักรใหญ่ในแถบใกล้เคียง เช่น เปอร์เซีย จีน และอินเดีย นอกจากนี้ เอเชียกลางยังเป็นเส้นทางสำคัญที่ต่อมาจะกลายเป็น เส้นทางสายไหม (Silk Road)

13.1 อาณาจักรอาเคเมนิด (Achaemenid Empire) และการควบคุมเอเชียกลาง

•ในปี 352 ก่อนคริสต์กาล จักรวรรดิเปอร์เซียของราชวงศ์อาเคเมนิด (Achaemenid Empire) ภายใต้การปกครองของ กษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีสที่ 3 (Artaxerxes III) ปกครองพื้นที่บางส่วนของเอเชียกลางดินแดนเช่น แบคเทรีย (Bactria), โซกเดียนา (Sogdiana), และ แฟร์กานา (Fergana) เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเปอร์เซียดินแดนเหล่านี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการค้าระหว่างเปอร์เซีย อินเดีย และจีน

13.2ชนเผ่าสกีเธียน (Scythians) และซะกะ (Saka) – นักรบเร่ร่อนแห่งทุ่งหญ้าเอเชียกลางชาวสกีเธียน (Scythians) และซะกะ (Saka) เป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่ทรงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียกลางมีชื่อเสียงในด้าน การรบด้วยม้าและธนู และมักโจมตีหรือค้าขายกับรัฐที่ตั้งมั่นชาวซะกะเป็นเครือญาติของชาวสกีเธียน แต่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแถบเอเชียกลางมากกว่าพวกเขาควบคุมเส้นทางการค้าระหว่างจีน อินเดีย และเปอร์เซีย

13.3อาณาจักรแบคเทรีย (Bactria) และโซกเดียนา (Sogdiana)

•แบคเทรียและโซกเดียนา เป็นดินแดนที่มั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางการค้าเมืองสำคัญ เช่น บัลค์ (Balkh) ซึ่งต่อมาจะเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมอินโด-กรีกเป็นพื้นที่ที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรม เปอร์เซีย อินเดีย และชนเผ่าเร่ร่อน

 

13.4อาณาจักรโบราณของจีนเริ่มมีอิทธิพลในเอเชียกลาง

•จีนในยุค จ้านกว๋อ (Warring States Period) เริ่มมีการติดต่อทางอ้อมกับชนเผ่าเร่ร่อนของเอเชียกลางพวกเขาเริ่มมีปัญหากับชนเผ่าเร่ร่อน เช่น ซงหนู (Xiongnu) ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นศัตรูสำคัญของจีนอาณาจักรฉินและฉีเริ่มใช้กำแพงและแนวป้องกันเพื่อปกป้องตนเองจากการรุกรานของชนเผ่าเร่ร่อน

13.5 เส้นทางการค้าและเศรษฐกิจ

•แม้ว่าจะยังไม่มี “เส้นทางสายไหม” อย่างเป็นทางการ แต่ เอเชียกลางเป็นศูนย์กลางการค้า ที่เชื่อมโยง จีน อินเดีย เปอร์เซีย และทะเลดำสินค้าสำคัญที่แลกเปลี่ยนกัน ได้แก่ม้า จากเอเชียกลาง (โดยเฉพาะม้าแฟร์กานาที่มีชื่อเสียง)เครื่องเทศและสิ่งทอ จากอินเดียอาวุธและเครื่องประดับทอง จากเปอร์เซีย