ทรัมป์ลั่น! แผนส่งผู้อพยพผิดกฎหมายไปกวนตานาโม เรือนจำคดีก่อการร้าย

ทรัมป์เดินหน้าสร้างสถานกักขังใหม่ที่อ่าวกวนตานาโม รองรับผู้อพยพผิดกฎหมาย 30,000 คน

เมื่อวันที่30 มกราคม 2568 - โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขยายสถานกักขังในกวนตานาโม รองรับผู้อพยพผิดกฎหมาย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลของเขาได้ออกคำสั่งให้ขยายและก่อสร้างสถานกักขังแห่งใหม่ ใน อ่าวกวนตานาโม ประเทศ คิวบา โดยสถานที่แห่งนี้จะถูกใช้สำหรับ กักขังผู้อพยพผิดกฎหมาย ที่ลักลอบเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย โดยสามารถรองรับ ผู้ต้องขังได้มากถึง 30,000 คน

การตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเข้มงวดของทรัมป์ในการ ควบคุมชายแดน และป้องกันการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่เขาให้ความสำคัญมาโดยตลอด นับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งสมัยแรก

ทรัมป์กล่าวว่า สถานกักขังใหม่จะอยู่ภายในฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในคิวบา แต่จะแยกออกจาก เรือนจำทหารความปลอดภัยสูง ซึ่งเป็นที่ใช้คุมขัง นักโทษคดีก่อการร้าย ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จับกุมไว้ก่อนหน้านี้

"ที่นี่จะเป็นสถานที่คุมขังผู้อพยพผิดกฎหมายที่มีพฤติกรรมเลวร้ายที่สุด ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนชาวอเมริกัน" ทรัมป์กล่าว

มาตรการกักขังขั้นสูงสุด จะถูกนำมาใช้ โดยผู้ที่ถูกจับกุมจากการลักลอบเข้าประเทศทางทะเล อาจถูกส่งตรงมายังกวนตานาโมทันที หลังจากถูกสกัดกั้นโดยหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยค่าใช้จ่ายของโครงการนี้ และยังไม่ชัดเจนว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่

หลังจากที่ทรัมป์ประกาศโครงการดังกล่าว รัฐบาลคิวบาได้ออกมาตอบโต้ทันที โดยประณามว่าสหรัฐฯ กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน และ กักขังโดยผิดกฎหมาย บนดินแดนของคิวบา

คิวบาได้กล่าวหาสหรัฐฯ ว่า ใช้กวนตานาโมเป็นสถานที่คุมขังผู้คนอย่างไม่เป็นธรรม และการขยายสถานที่กักขังผู้อพยพถือเป็น การกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล

นอกจากนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่ม ก็ออกมาแสดงความกังวลว่า การกักขังผู้อพยพที่ไม่มีโอกาสขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน

นายทอม โฮแมน หัวหน้าหน่วยควบคุมชายแดนของรัฐบาลทรัมป์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ (ICE) จะเป็นผู้ดูแลสถานกักขังแห่งใหม่นี้

นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเดิมที่มีอยู่ในกวนตานาโม จะได้รับการปรับปรุงและขยายเพิ่มเติม เพื่อรองรับจำนวนนักโทษที่เพิ่มขึ้น

อ่าวกวนตานาโม เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ สถานที่กักขังผู้ต้องสงสัยในคดีก่อการร้าย โดยสหรัฐฯ ใช้ที่นี่ในการ ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมจากทั่วโลก หลังเหตุการณ์ 9/11

อย่างไรก็ตาม นโยบายของทรัมป์ในครั้งนี้ถือเป็น การเพิ่มบทบาทใหม่ของกวนตานาโม จากเดิมที่เป็นศูนย์คุมขังนักโทษก่อการร้าย ไปสู่ศูนย์กักกันผู้อพยพผิดกฎหมาย

เพื่อเร่งดำเนินการให้สถานกักขังแห่งใหม่เกิดขึ้นโดยเร็ว ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารใหม่ โดยสั่งให้

1. กระทรวงกลาโหม (DOD) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ดำเนินการขยายและจัดเตรียมสถานที่กักขังให้พร้อมใช้งาน

2. สร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม เช่น ที่พัก ระบบรักษาความปลอดภัย และศูนย์ประมวลผลผู้อพยพ

3. เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการสถานการณ์ผู้อพยพผิดกฎหมาย

นโยบายใหม่ของทรัมป์ได้รับ เสียงตอบรับที่แตกต่างกัน

ผู้สนับสนุนทรัมป์ มองว่าเป็น มาตรการที่จำเป็นในการปกป้องพรมแดนของสหรัฐฯ และเชื่อว่า ผู้อพยพผิดกฎหมายที่เข้ามาก่ออาชญากรรมควรถูกควบคุมตัวอย่างเข้มงวด

ฝ่ายต่อต้าน มองว่าเป็น การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการกักขังโดยไม่ให้โอกาสในการขอความคุ้มครองตามกฎหมาย

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายคนมองว่า การตัดสินใจครั้งนี้อาจมีผลต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในอนาคต เนื่องจากนโยบายควบคุมผู้อพยพเป็น ประเด็นที่สร้างความแตกแยกอย่างมากในสังคมอเมริกัน