หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ฝ้าสเตียรอยด์ ปัญหาผิวหน้าที่ส่งผลลัพธ์ต่อผิวในระยะยาว

โพสท์โดย EVEFY

ฝ้าสเตียรอยด์ 

ปัญหาผิวหน้าที่ส่งผลลัพธ์ต่อผิวในระยะยาว

ฝ้าสเตียรอยด์เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ สเตียรอยด์แม้จะมีประโยชน์ในทางการแพทย์ เช่น การลดการอักเสบและรักษาโรคต่าง ๆ แต่หากใช้ในระยะยาวหรือใช้ผิดวิธี อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว เช่น ทำให้ผิวบางลง เกิดการระคายเคือง และกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป จนนำไปสู่การเกิดฝ้าสเตียรอยด์ที่ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

บทความนี้จะอธิบายเชิงลึกถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าสเตียรอยด์ พร้อมทั้งลักษณะของฝ้าและวิธีจัดการที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการป้องกันเพื่อให้คุณสามารถดูแลผิวได้อย่างถูกวิธีและปลอดภัย

สเตียรอยด์คืออะไร และมีผลอย่างไรต่อผิว?

สเตียรอยด์คืออะไร? สเตียรอยด์ (Steroid) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไต มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ในทางการแพทย์ สเตียรอยด์ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ยาทาน ยาฉีด และยาทา เพื่อรักษาโรคบางชนิด เช่น

อย่างไรก็ตาม การใช้สเตียรอยด์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะหากใช้อย่างไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาต่อผิวหนัง เช่น สิว ผื่น และ ฝ้าสเตียรอยด์

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.romrawinclinic.com/face-skin/steroid-melasma

อันตรายจากการใช้สเตียรอยด์ในระยะยาว

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝ้าสเตียรอยด์

ฝ้าสเตียรอยด์เกิดจากการใช้สารสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ผิวบอบบางและสูญเสียความแข็งแรง ส่งผลให้ผิวไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ดังนี้:

  1. แสงแดด
    รังสี UV จากแสงแดดไม่เพียงแค่กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป แต่ยังทำลายเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแออยู่แล้ว ส่งผลให้ฝ้าสเตียรอยด์มีสีเข้มและกระจายตัวชัดเจนมากขึ้น หากไม่ได้รับการป้องกันที่เหมาะสม
  2. ฮอร์โมน
    การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด หรือแม้แต่ช่วงวัยหมดประจำเดือน สามารถส่งผลกระทบต่อความสมดุลของการผลิตเม็ดสี ทำให้ฝ้าสเตียรอยด์มีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มผิวไวต่อฮอร์โมน
  3. พันธุกรรม
    ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นฝ้าหรือมีสภาพผิวที่บอบบางตั้งแต่กำเนิด มักมีโอกาสเกิดฝ้าสเตียรอยด์ได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะหากมีการสัมผัสปัจจัยเสี่ยง เช่น แสงแดดและสารเคมีกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง

ลักษณะและประเภทของฝ้าสเตียรอยด์

ฝ้าสเตียรอยด์เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทมีลักษณะและระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน ดังนี้:

  1. ฝ้าแบบตื้น (Epidermal Melasma)
    • เกิดในชั้นหนังกำพร้าซึ่งเป็นชั้นผิวหนังที่อยู่ตื้นที่สุด
    • สีฝ้าชัดเจน โดยมักมีสีเข้ม เช่น น้ำตาลเข้มหรือสีเทา
    • มองเห็นขอบเขตของฝ้าได้ชัดเจน และสามารถรักษาได้ง่ายกว่าประเภทอื่น
  2. ฝ้าแบบลึก (Dermal Melasma)
    • เกิดในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นที่ลึกกว่า
    • สีฝ้ามักเป็นสีม่วงน้ำเงินหรือสีเทาอ่อน
    • ขอบฝ้าดูจางและไม่ชัดเจน ทำให้การรักษายากและต้องใช้เวลานานกว่า
  3. ฝ้าแบบผสม (Mixed Melasma)
    • เกิดทั้งในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้
    • มีลักษณะของฝ้าทั้งแบบตื้นและแบบลึกผสมกัน
    • สีฝ้าอาจเป็นน้ำตาลเข้มสลับกับม่วงน้ำเงิน และมีความซับซ้อนในการรักษา

บริเวณที่ฝ้าสเตียรอยด์มักขึ้น ฝ้าสเตียรอยด์มักปรากฏในบริเวณที่ได้รับแสงแดดบ่อยครั้ง โดยเฉพาะส่วนที่มีการสะสมของเม็ดสีสูง เช่น:

การเข้าใจลักษณะของฝ้าสเตียรอยด์ช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและตรงจุด

ประเภทฝ้าสเตียรอยด์

ฝ้าสเตียรอยด์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ตามความลึกของการสะสมเม็ดสีได้ ดังนี้

  1. ฝ้าแบบตื้น (Epidermal Melasma)
    • อยู่ในชั้นหนังกำพร้า
    • สีฝ้าเข้มชัด เช่น น้ำตาลเข้มหรือสีเทา
  2. ฝ้าแบบลึก (Dermal Melasma)
    • อยู่ในชั้นหนังแท้
    • ขอบฝ้าจาง สีฝ้ามักเป็นสีม่วงน้ำเงินหรือสีเทา
  3. ฝ้าแบบผสม (Mixed Melasma)
    • เกิดทั้งในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้
    • มีลักษณะของฝ้าทั้งแบบตื้นและลึกผสมกัน

บริเวณที่ฝ้าสเตียรอยด์มักขึ้น

วิธีรักษาฝ้าสเตียรอยด์

แม้ว่าการรักษาฝ้าสเตียรอยด์ให้หายถาวรอาจเป็นไปได้ยาก แต่สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา ดังนี้:

  1. หยุดใช้สารสเตียรอยด์
    • ข้อดี: ช่วยลดการกระตุ้นที่ทำให้เกิดฝ้าสเตียรอยด์และให้ผิวเริ่มฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ
    • ข้อเสีย: การหยุดใช้อาจทำให้เกิดอาการถอนสเตียรอยด์ เช่น ผิวแดงและแห้งในช่วงแรก ต้องใช้เวลาในการปรับตัว
  2. ใช้ยาทารักษาฝ้า
    • ข้อดี: ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hydroquinone, Kojic Acid หรือ Alpha Arbutin ช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ข้อเสีย: อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผิวแห้ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง
  3. เลเซอร์รักษาฝ้า
    • ข้อดี: เลเซอร์ เช่น Q-Switched หรือ Pico Laser สามารถทำลายเม็ดสีใต้ชั้นผิวได้ตรงจุด และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
    • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และอาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดในระยะสั้นหลังการรักษา
  4. งดใช้เครื่องสำอางที่ระคายเคือง
    • ข้อดี: ลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระตุ้นการระคายเคืองหรือทำให้ฝ้าชัดขึ้น
    • ข้อเสีย: อาจต้องปรับเปลี่ยนเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจใช้เวลาในการหาแบรนด์ที่เหมาะสม
  5. ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
    • ข้อดี: ผลิตภัณฑ์ที่มีกรด PHA หรือ AHA ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน และเหมาะสำหรับผิวบอบบาง
    • ข้อเสีย: อาจต้องใช้เวลาในการเห็นผล และหากใช้อย่างไม่ถูกต้องอาจทำให้ผิวแห้งหรือลอกได้

การเลือกวิธีรักษาฝ้าสเตียรอยด์ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อให้การรักษาตรงจุดและลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าการรักษาฝ้าสเตียรอยด์ให้หายถาวรอาจเป็นไปได้ยาก แต่สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:

  1. หยุดใช้สารสเตียรอยด์
    • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เพื่อให้ผิวมีโอกาสฟื้นฟูและกลับมาแข็งแรง
  2. ใช้ยาทารักษาฝ้า
    • ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Hydroquinone, Kojic Acid หรือ Alpha Arbutin เพื่อลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน
    • ผลิตภัณฑ์ที่มี PHA หรือ AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
  3. เลเซอร์รักษาฝ้า
    • เลเซอร์ เช่น Q-Switched หรือ Pico Laser ช่วยทำลายเม็ดสีใต้ชั้นผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  4. งดใช้เครื่องสำอางที่ระคายเคือง
    • หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์
  5. ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรด PHA ซึ่งเหมาะสำหรับผิวบอบบาง

วิธีป้องกันฝ้าสเตียรอยด์

ฝ้าสเตียรอยด์เป็นปัญหาผิวที่ต้องการการดูแลและป้องกันอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบในระยะยาวและลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้าใหม่ สามารถป้องกันฝ้าสเตียรอยด์ได้ด้วยวิธีดังนี้:

    1. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
      • การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวควรตรวจสอบส่วนผสมอย่างละเอียด หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์ โดยเฉพาะหากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
    2. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
      • ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปสามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการเกิดฝ้า ควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
    3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดในช่วงเวลาที่แดดจัด
      • การหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00-16.00 น. ช่วยลดความเสี่ยงในการกระตุ้นเม็ดสีเมลานิน
    4. บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิคแอซิด เซราไมด์ หรือสารให้ความชุ่มชื้นอื่น ๆ เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงและลดการอักเสบ
    5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การบริโภคอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้ ผักใบเขียว และถั่ว จะช่วยเสริมสุขภาพผิวจากภายใน
    6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้วช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวและเสริมให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
    7. ลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้ผิวบอบบางและเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น
    8. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
    9. ทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน เพื่อป้องกันรังสี UV

 

 

    1. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น มอยส์เจอไรเซอร์

 

 

สรุปฝ้าสเตียรอยด์ ปัญหาผิวที่ควรระวัง

ฝ้าสเตียรอยด์เป็นปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้สเตียรอยด์อย่างต่อเนื่องและไม่ถูกวิธี ซึ่งส่งผลให้ผิวบอบบางและไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ เช่น แสงแดดและมลภาวะ การดูแลผิวอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยการหยุดใช้สเตียรอยด์ หลีกเลี่ยงแสงแดด และป้องกันผิวด้วยครีมกันแดด รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ จะช่วยลดความรุนแรงของฝ้าสเตียรอยด์และป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง จะช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวในระยะยาว พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงของฝ้าสเตียรอยด์ในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

การใช้สเตียรอยด์อย่างไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อผิวหนังในระยะยาว ทำให้เกิดปัญหาฝ้าสเตียรอยด์ ซึ่งแก้ไขได้ยาก การหยุดใช้สารสเตียรอยด์ ดูแลผิวให้แข็งแรง และป้องกันด้วยครีมกันแดด รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม จะช่วยให้ฝ้าสเตียรอยด์จางลงและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ




เนื้อหาโดย: EVEFY
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
EVEFY's profile


โพสท์โดย: EVEFY
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปีแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้นิทานเพื่อนรัก 3 คนสู่โศกนาฏกรรมปริศนา! สั่งระงับเผาศพ-พบ "ไซยาไนด์" ในร่างผู้เสียชีวิต7 อันดับสารพิษตัวร้าย : อยู่ให้ไกล ระวังให้ดี เพราะโลกนี้ไม่ได้อ่อนโยนกับเราเสมอไป
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คันปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get outเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เจอคลื่นความหนาวเย็นรุนแรงและพายุหิมะถล่ม การเดินทางชะงักทั่วเมืองฮือฮาฝรั่งนั่งรถเข็นพ่อตาขับรถจักรยานยนต์ลากปล่อยเมียไว้กลางทางแล้วให้เมียเดินเข้าบ้านเพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Variety
อยากสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ เริ่มต้นอย่างไรให้ประสบความสำเร็จเมทัลชีท PU คืออะไร? วัสดุที่เหมาะสำหรับบ้านและอาคาร[ด่วน!] ใกล้สิ้นปีแล้ว จองสถานที่จัดเลี้ยงบริษัท ขอนแก่น ที่ "ร้านคัม" ริมบึงหนองโคตร บรรยากาศดี โปรฯเพียบ!ทริคประหยัดค่าไฟสูงสุดถึง 50% ต่อเดือน แค่ใช้แอร์ให้ถูกวิธี!
ตั้งกระทู้ใหม่