ย้อนรอยคดีเปรี้ยวฆ่าหั่นศพ ความโหดเหี้ยมที่ไม่มีวันลืม
ในวงการคดีอาชญากรรมไทย ไม่มีคดีใดที่สะเทือนใจและทำให้คนทั้งประเทศตกตะลึงไปเท่ากับ “คดีเปรี้ยวหั่นศพ” คดีที่เกิดขึ้นในปี 2559 ซึ่งเป็นการฆาตกรรมที่มีความโหดเหี้ยมและมีการกระทำที่สะเทือนขวัญอย่างยิ่ง การกระทำที่ไม่น่าเชื่อและเต็มไปด้วยความทารุณ ทำให้ทุกคนที่ได้ยินเกี่ยวกับคดีนี้ไม่อาจละเลยและต้องการที่จะรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ในเบื้องหลังเหตุการณ์นี้
ทุกอย่างเริ่มต้นจากการคบหากันอย่างธรรมดา เมื่อ เปรี้ยว หรือ น.ส.ปวีณา นาคบุญช่วย หญิงสาววัย 19 ปีที่มีลักษณะท่าทางสดใสและเหมือนจะมีอนาคตที่ดี ได้รู้จักกับ เจ๊เกียว หรือ น.ส.ปรียานุช เจ้าของร้านอาหาร ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตที่เรียบง่าย แต่เบื้องหลังนั้นเต็มไปด้วยความไม่ลงรอยและความเครียดจากปัญหาการเงิน การคบหากันระหว่างเปรี้ยวและเจ๊เกียวกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์โหดร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด
ในตอนแรก ดูเหมือนว่าเปรี้ยวและเจ๊เกียวจะไม่มีปัญหากัน แต่ไม่นานนักความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็เริ่มมีความตึงเครียด โดยเฉพาะปัญหาทางการเงินที่เริ่มสะสมและทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ในช่วงที่เปรี้ยวตกอยู่ในสภาวะเครียดจากปัญหาหนี้สินและการถูกขู่เอาชีวิตจากเจ๊เกียว เธอจึงเริ่มวางแผนบางอย่างที่ไม่สามารถย้อนกลับได้
คืนหนึ่งในช่วงกลางปี 2559 เปรี้ยวได้เชิญ น.ส.เจ๊เกียว มาเจอกันที่บ้านของเธอ โดยอ้างว่าเพื่อพูดคุยเรื่องส่วนตัวและเรื่องการเงินที่ยังค้างคาอยู่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นเรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิด เจ๊เกียว ถูกฆ่าตายอย่างทารุณจากการลงมือของเปรี้ยวและเพื่อนร่วมงานของเธอ น้องบี และ น้องต่าย การฆาตกรรมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยม เมื่อเปรี้ยวและพรรคพวกได้ลงมือฆ่าผู้หญิงที่เคยเป็นแม่ในชีวิตของเธออย่างเลือดเย็น
การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้จบแค่เพียงการฆ่าเท่านั้น แต่ยังมีการหั่นศพของเจ๊เกียวออกเป็นชิ้นๆ อย่างไร้ความปราณี หลังจากนั้นพวกเขาได้เอาศพที่หั่นแล้วไปทิ้งในถังขยะที่ห่างไกลจากชุมชน เพื่อหวังให้ไม่มีใครสังเกตเห็นจนกว่าจะสายเกินไป
เมื่อศพของเจ๊เกียวถูกพบในสภาพที่ยากจะบรรยาย เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มดำเนินการสืบสวน และไม่นานก็พบว่า เปรี้ยวและเพื่อนๆ ของเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมนี้ จากการสืบสวนในเบื้องต้น พวกเขาพบว่าการฆ่าครั้งนี้มีการวางแผนล่วงหน้า เปรี้ยวได้มีการเตรียมตัวและวางแผนการฆ่าอย่างละเอียดเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมดและทำให้คดีนี้หายไปจากความสนใจของสังคม
เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามคนได้ พวกเขาก็ได้เปิดเผยรายละเอียดการฆาตกรรมอย่างเจาะจง เปรี้ยวสารภาพว่าเธอและเพื่อนๆ ได้ทำการฆ่าเจ๊เกียว เพราะความหึงหวงและความเกลียดชังที่สะสมมาเป็นเวลานาน การทิ้งศพและการหั่นศพเป็นการทำลายหลักฐานเพื่อลบล้างการกระทำโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้น
การจับกุมและการตัดสินคดีในภายหลังทำให้หลายคนตกใจ โดยเฉพาะเมื่อทราบว่า เปรี้ยว ซึ่งเคยเป็นเด็กสาวที่มีอนาคตและความหวัง กลับลงมือทำสิ่งที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ ความโหดร้ายที่เปรี้ยวและเพื่อนๆ ทำกับเจ๊เกียวไม่เพียงแต่สะเทือนขวัญ แต่ยังทำให้คนไทยต้องหันมาพิจารณาความรุนแรงในความสัมพันธ์ที่เรามักมองข้าม
หลังจากที่ได้ยินคำสารภาพของผู้ต้องหาทุกคน คำถามที่เกิดขึ้นในใจของคนไทยคือ “ทำไมถึงสามารถทำร้ายคนที่เคยเป็นเหมือนแม่ของตนเองได้?” คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นการสะท้อนถึงความผิดปกติในจิตใจมนุษย์ ความหึงหวง การเก็บกดความรู้สึก และความโลภที่สามารถพาให้คนไปทำสิ่งที่ไม่สามารถย้อนกลับได้
คดีนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ครอบครัวของเจ๊เกียวต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ยังทำให้สังคมต้องตั้งคำถามถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ และสิ่งที่เกิดขึ้นจากความเครียดและความแค้นที่สะสมมานาน
คดีเปรี้ยวหั่นศพ เป็นคดีที่สะเทือนใจอย่างยิ่ง และไม่เพียงแต่จะถูกจำได้ในประวัติศาสตร์การฆาตกรรมไทย แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้เราระมัดระวังในความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เพราะในบางครั้ง ความรุนแรงที่เริ่มจากความรู้สึกเก็บกดและความเครียด สามารถกลายเป็นการกระทำที่โหดร้ายและไม่อาจย้อนกลับได้