เตรียมตัวให้พร้อม! ประกันสังคม ปี 2568 ปรับเงินสมทบใหม่ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเท่าไร?
ประกันสังคมถือเป็นโครงการสำคัญที่ช่วยให้ความคุ้มครองแก่แรงงานในประเทศไทยในหลายๆ ด้าน ทั้งการรักษาพยาบาล การชราภาพ และการเสียชีวิต ซึ่งผู้ประกันตนที่ทำงานในระบบนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ช่วยให้ชีวิตมีความมั่นคงขึ้น ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดใดๆ ขึ้น
ในปี 2568 นี้ ระบบประกันสังคมกำลังจะมีการปรับปรุงอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและความต้องการในการรักษามาตรฐานการคุ้มครองที่สูงขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการปรับเงินสมทบในปี 2568 พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
ประกันสังคมคือ ระบบการประกันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประกันตนในกรณีต่างๆ เช่น การเจ็บป่วย การทุพพลภาพ การคลอดบุตร หรือกรณีการเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีการคุ้มครองในกรณีว่างงานหรือการชราภาพ โดยผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบตามอัตราที่กำหนด เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์เหล่านี้ในภายหลัง
การปรับเงินสมทบในปี 2568 นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการ โดยเฉพาะการปรับอัตราเงินสมทบที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายให้กับกองทุนประกันสังคม โดยจะมีการปรับเพิ่มขึ้นในบางกลุ่ม เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการด้านการรักษาพยาบาลและการคุ้มครองที่เพิ่มมากขึ้น
กลุ่มที่ 1: ผู้ประกันตนมาตรา 33 (ลูกจ้างประจำ)
สำหรับผู้ประกันตนในกลุ่มนี้ที่เป็นลูกจ้างประจำ จะต้องจ่ายเงินสมทบในอัตราใหม่ที่สูงขึ้นจากเดิม โดยการคำนวณจะใช้ฐานเงินเดือนในการคำนวณเงินสมทบที่ต้องจ่าย ซึ่งจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากเงินเดือนที่ได้รับ ตัวอย่างเช่น หากผู้ประกันตนมีเงินเดือน 20,000 บาท ก็จะต้องจ่ายเงินสมทบในอัตรา 5% หรือประมาณ 1,000 บาทต่อเดือน โดยนายจ้างจะร่วมจ่ายส่วนหนึ่งด้วย
กลุ่มที่ 2: ผู้ประกันตนมาตรา 39 (ผู้ประกันตนที่ไม่ได้เป็นลูกจ้างประจำ)
กลุ่มนี้จะต้องจ่ายเงินสมทบในอัตราที่ปรับใหม่ตามฐานรายได้ที่กำหนด ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินสมทบจะเป็นไปตามระดับรายได้ของผู้ประกันตน โดยจะต้องจ่ายเงินสมทบที่เพิ่มขึ้นตามการปรับค่าครองชีพ
กลุ่มที่ 3: ผู้ประกันตนมาตรา 40 (ผู้ประกอบอาชีพอิสระ)
ผู้ประกันตนในกลุ่มอาชีพอิสระจะต้องจ่ายเงินสมทบในอัตราที่แตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ ขึ้นอยู่กับฐานรายได้ที่เลือกสมัคร ซึ่งการปรับอัตรานี้จะส่งผลให้ผู้ประกันตนที่มีรายได้สูงขึ้นจะต้องจ่ายเงินสมทบในอัตราที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน
การปรับอัตราเงินสมทบในปี 2568 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนในหลายด้าน แม้จะมีการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายขึ้น แต่ก็เป็นการปรับปรุงที่จำเป็นเพื่อให้ระบบประกันสังคมสามารถคุ้มครองผู้ประกันตนได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในอนาคต ผู้ประกันตนจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านการเงินและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมได้อย่างเต็มที่และไม่มีปัญหาในอนาคต