ศีรษะที่หายไป?? คดีฆาตกรรมที่สยองที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
The Hokkaido Murder..
ในเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญที่ไม่มีใครสามารถลืมได้ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมที่ทั้งน่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยปริศนา เกิดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ปกติแต่กลับกลายเป็นที่ซ่อนความลับที่ไม่อาจหาคำตอบได้ คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดีที่ถูกพูดถึงมากที่สุดและถูกถกเถียงกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในวงการอาชญากรรมที่คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นคดีที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและเงื่อนงำที่ไม่มีวันหายไปจากความทรงจำ
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งได้รับมอบหมายให้ทำการเช็คห้องพักของแขกคนหนึ่งซึ่งยังไม่ได้ลงจากห้องพักตามเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่โรงแรมได้โทรหาห้องพักหลายครั้งแต่กลับไม่ได้รับการตอบรับ พนักงานเริ่มรู้สึกเป็นห่วงและตัดสินใจที่จะขึ้นไปตรวจสอบห้องด้วยตัวเอง ทว่าเขาคงไม่รู้เลยว่า การขึ้นไปตรวจสอบห้องในครั้งนี้จะนำเขาไปพบกับภาพที่หลอนที่สุดในชีวิต
เมื่อพนักงานเข้าไปถึงห้องหมายเลข 207 สิ่งที่เขาเห็นในห้องนั้นกลับทำให้เขาช็อคและตกใจจนไม่สามารถขยับตัวได้อีกต่อไป ภายในห้องอาบน้ำที่มีน้ำไหลอย่างช้าๆ เขาพบกับร่างของชายคนหนึ่งที่นอนเปลือยอยู่ในอ่างอาบน้ำ ความน่าสยดสยองไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงการเห็นร่างเปลือยของเหยื่อ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถลืมภาพนี้ได้เลยคือการที่ศีรษะของชายคนนี้หายไปอย่างสิ้นเชิง ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดสด และที่สำคัญที่สุดคือ ศีรษะของเขาไม่ได้อยู่ในห้องนั้นเลย แม้แต่ร่องรอยของมันก็ไม่สามารถหาเจอได้ ซึ่งถือเป็นการฆาตกรรมที่มีความโหดร้ายอย่างยิ่ง
พนักงานของโรงแรมตกใจสุดขีดและรีบโทรแจ้งตำรวจทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมายังที่เกิดเหตุและเริ่มการสืบสวนในทันที แต่สิ่งที่พบกลับยิ่งทำให้คดีนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อนและลึกลับ การสอบสวนพบว่าเหยื่อในห้องพักนั้นไม่มีเอกสารระบุตัวตนใดๆ แม้แต่กระเป๋าเดินทางของเขาก็ไม่ได้มีข้อมูลที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเขาคือใคร และสิ่งที่น่าสงสัยยิ่งกว่านั้นคือการที่ไม่มีใครในโรงแรมเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน
การตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงแรมเผยให้เห็นว่า ชายผู้นี้เดินทางมาคนเดียวและไม่ได้พบกับใครเลยตั้งแต่เช็คอินเข้ามาในโรงแรม ซึ่งทำให้ตำรวจเริ่มตั้งคำถามว่า เหยื่อคนนี้อาจจะเป็นคนที่มาจากที่ไหนสักแห่ง หรืออาจจะมีความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับคดีในลักษณะนี้
การสืบสวนในช่วงแรกค่อนข้างจะยากลำบาก เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีเบาะแสที่ชัดเจน แต่หลังจากการเก็บหลักฐานจากที่เกิดเหตุ ตำรวจพบรอยนิ้วมือของบุคคลที่ไม่ตรงกับชื่อของเหยื่อ ซึ่งทำให้สงสัยว่าอาจจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมนี้เข้ามาในห้องและทำการฆ่าผู้ชายคนนั้น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มขยายการสอบสวนไปยังบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับเหยื่อ และเชื่อมโยงไปยังเส้นทางการเดินทางที่อาจจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้
ตำรวจพบว่าในกระเป๋าของเหยื่อมีตั๋วเครื่องบินและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางจากต่างประเทศ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีการเดินทางและอาจมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่มีมูลค่าใหญ่ แต่กลับไม่มีใครที่สามารถบอกได้ว่าเขาคือใครและมาทำอะไรที่นี่ การตรวจสอบประวัติของเหยื่อในสื่อต่างๆ ก็ไม่พบข้อมูลใดๆ ที่จะสามารถบ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้
ในขณะที่การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป คดีนี้กลับยิ่งเต็มไปด้วยความลึกลับ เพราะจากหลักฐานที่พบ ไม่มีการเชื่อมโยงไปถึงใครที่เป็นฆาตกรอย่างชัดเจน ทุกคำถามยังคงหาคำตอบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุจูงใจในการฆาตกรรม หรือการหายไปของศีรษะ เหตุการณ์นี้ทำให้คดีนี้กลายเป็นปริศนาอันสุดสะพรึงที่ยังไม่มีใครสามารถไขมันได้
หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดฆาตกรถึงต้องเอาศีรษะของเหยื่อไปด้วย บางคนคิดว่าอาจจะเป็นการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการส่งข้อความบางอย่างจากกลุ่มอาชญากรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด หรืออาจเป็นเรื่องของการทวงหนี้ในโลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยการลักลอบทำธุรกิจมืด ซึ่งไม่เคยเปิดเผยให้สาธารณะชนได้รับรู้
แม้ว่าคดีนี้ยังคงไม่มีการคลี่คลายอย่างสมบูรณ์ แต่สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือ การฆาตกรรมในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ มันเป็นการฆ่าที่มีการเตรียมการและความตั้งใจอย่างรอบคอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเดินหน้าตามหาเบาะแสใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถจับตัวฆาตกรได้ในที่สุด
แต่สำหรับหลายคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยเฉพาะพนักงานของโรงแรมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาต้องเผชิญกับภาพที่ยากจะลืมลง ความหลอนจากการพบศีรษะที่หายไปในครั้งนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำของพวกเขาและจะไม่หายไปตลอดชีวิต ในขณะที่สังคมญี่ปุ่นเองก็ไม่อาจลืมเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญนี้ได้ แม้ว่าความจริงจะยังไม่ถูกเปิดเผยทั้งหมดก็ตาม