ฉีดโบลดริ้วรอย คืออะไร? เหมาะกับใคร? มีหลักการทำงานอย่างไร?
ฉีดโบลดริ้วรอย คืออะไร? เหมาะกับใคร? มีหลักการทำงานอย่างไร?
การดูแลตัวเอง เพื่อคงความอ่อนเยาว์แ ละแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน การฉีดโบลดริ้วรอย (Botulinum Toxin) จึงกลายเป็นทางเลือกแรกสำหรับ ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจกับการฉีดโบให้ละเอียด เพื่อให้คุณมั่นใจและเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมก่อนทำหัตถการ
ฉีดโบลดริ้วรอย คืออะไร?
การฉีดโบลดริ้วรอย เป็นการใช้สารสกัดจากแบคทีเรีย ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ทำงานมากเกินไป โดยสารชนิดนี้จะช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว และรอยตีนกา ดูจางลง ทั้งยังช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กและสมดุลมากขึ้น การฉีดโบยังได้รับการยอมรับจาก อย. และสามารถใช้รักษาอาการทางการแพทย์ เช่น โรคไมเกรน และภาวะกล้ามเนื้อเกร็งได้อีกด้วย
หลักการทำงานของการฉีดโบลดริ้วรอย
ฉีดโบลดริ้วรอย ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทระหว่างเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ ส่งผลให้ผิวหนังเหนือกล้ามเนื้อเรียบเนียนขึ้น วิธีการนี้เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เช่น บริเวณหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว และยังช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง
ยี่ห้อโบลดริ้วรอยที่นิยม
ฉีดโบยี่ห้อ Allergan
- ฉีดโบ Allergan เป็นแบรนด์โบลดริ้วรอยแรกที่นำมาใช้ในวงการแพทย์ ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ผลิตโดยบริษัท Allergan สหรัฐอเมริกา มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% เหมาะสำหรับลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และลดกราม โอกาสดื้อยาต่ำ เนื่องจากตัวยาไม่กระจายวงกว้าง ให้ผลลัพธ์แม่นยำ อยู่ได้นาน 6 - 8 เดือน
ฉีดโบยี่ห้อ Dysport
- ฉีดโบ Dysport ผลิตจากอังกฤษ มีโมเลกุลขนาดเล็ก ตัวยากระจายวงกว้าง เหมาะสำหรับฉีดลิฟกรอบหน้า ยกกระชับ Dermolift หรือฉีดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ต้นแขน น่อง หน้าผาก และลดกลิ่นตัว-เหงื่อ ให้ผลลัพธ์ธรรมชาติ อยู่ได้นาน 4 - 6 เดือน โดย 300 ยูนิต Dysport เทียบเท่า 100 ยูนิตโบยี่ห้ออื่น
ฉีดโบยี่ห้อ Xeomin
- ฉีดโบ Xeomin ผลิตโดย MERZ PHARMA เยอรมนี โดดเด่นด้วยโมเลกุลขนาดเล็กและความบริสุทธิ์สูง ใช้เทคโนโลยี XTRACT กำจัดโปรตีนไม่จำเป็น แต่ยังคงประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท
ฉีดโบยี่ห้อ Nabota
- ฉีดโบ Nabota ผลิตโดย DAEWOONG เกาหลีใต้ เป็นโบเกาหลียี่ห้อเดียวที่ได้รับ U.S.FDA ปี 2018 จุดเด่นคือออกฤทธิ์ไวและมีความบริสุทธิ์สูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและการลิฟกรอบหน้า แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าโบจากอเมริกา
ฉีดโบยี่ห้อ Aestox
- ฉีดโบ Aestox ผลิตจากเกาหลี ได้รับมาตรฐาน KFDA มีความบริสุทธิ์ 99.5% จุดเด่นคือผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานขึ้นและใช้ปริมาณลดลง
ข้อดีของการฉีดโบลดริ้วรอย
- ฉีดโบ ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยจางลง ใช้เวลารักษารวดเร็ว
- ฉีดโบ ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ใบหน้าดูเรียบเนียนสดใสขึ้น
- ฉีดโบ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ
- ฉีดโบ ช่วยป้องกันริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณไหนได้บ้าง?
- หน้าผาก: ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นจากการแสดงอารมณ์ ควรฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเพื่อความปลอดภัย
- ระหว่างคิ้ว: ลดริ้วรอยระหว่างคิ้วที่เห็นชัดเจน ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน
- หางตา: ลดริ้วรอยรอบดวงตาและหางตา ช่วยให้ใบหน้าดูสดใสมากขึ้น
- ใต้ตา: ลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใต้ตา ทำให้ผิวรอบดวงตาเรียบเนียน
- ร่องแก้ม: ใช้โบลดริ้วรอยร่วมกับฟิลเลอร์เพื่อลดร่องแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ
- ลิฟกรอบหน้า: ยกกระชับกรอบหน้า เพิ่มมิติให้ใบหน้าคมชัดมากขึ้น
ฉีดโบลดริ้วรอย แต่ละจุดใช้กี่ยูนิต?
ปริมาณการฉีดโบลดริ้วรอยขึ้นอยู่กับปัญหาและการประเมินของแพทย์ โดยทั่วไปใช้ปริมาณโบ ดังนี้
- หน้าผาก: 30 ยูนิต
- ระหว่างคิ้ว: 25 ยูนิต
- หางตา: 25 ยูนิต
- ลิฟกรอบหน้า: 30 - 50 ยูนิต
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.romrawin.com/bo-injection/
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดริ้วรอย
- เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยี่ห้อโบที่ต้องการฉีด
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือวิตามินอี อย่างน้อย 1 - 2 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และสครับหน้า 2 - 3 วันก่อนฉีด
ขั้นตอนการฉีดโบลดริ้วรอย
- แพทย์ประเมินใบหน้า และเลือกยี่ห้อโบที่เหมาะสม
- ทำความสะอาดใบหน้า และทายาชา
- ฉีดโบในจุดที่ต้องการใช้เวลา 15 - 30 นาที
- หลังฉีด แพทย์ให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดริ้วรอย
- ห้ามนอนราบ 3 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ออกกำลังกายหนัก หรือซาวน่า
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารรสจัดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที 1 - 2 ครั้ง เพื่อให้ตัวยาทำงานเต็มที่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบ
ผลข้างเคียงจากการฉีดโบลดริ้วรอย มีอะไรบ้าง?
หลังฉีดโบลดริ้วรอย อาการที่พบได้ทั่วไป คือ รู้สึกเมื่อย หรือตึงบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นปกติ และไม่อันตราย แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดอันตรายได้ หากฉีดโดยหมอกระเป๋า ใช้โบปลอม ดังนี้
- การติดเชื้อ: เกิดจากฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานหรือหมอกระเป๋า
- หนังตาตก มุมปากเบี้ยว หน้าแข็ง: เกิดจากเทคนิคผิดพลาด ใช้ปริมาณไม่เหมาะสม หรือฉีดไม่ถูกตำแหน่ง
ฉีดโบลดริ้วรอยกี่วันเห็นผล?
- การฉีดโบลดริ้วรอย เริ่มออกฤทธิ์หลังฉีด 3 - 4 วัน และสามารถเห็นผลชัดเจนภายใน 1 - 2 สัปดาห์
ฉีดโบผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
- หลังฉีดโบลดริ้วรอย ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4 - 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังฉีด
ฉีดโบได้บ่อยแค่ไหน?
- การฉีดโบลดริ้วรอย ควรเว้นระยะห่าง อย่างน้อย 3 เดือนครั้ง แต่ไม่ควรเว้นเกิน 5 - 6 เดือน
ฉีดโบลดริ้วรอยใช้กี่ยูนิต?
- ฉีดโบลดริ้วรอยใช้โบประมาณ 25 ยูนิต ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และยยี่ห้อโบที่ใช้
ดื้อโบลดริ้วรอย คืออะไร?
- ดื้อโบลดริ้วรอย คือ ภาวะที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้านตัวยา ทำให้การฉีดโบไม่เห็นผลลัพธ์ หรือเห็นผลเพียงเล็กน้อย รวมถึง การออกฤทธิ์จะเสื่อมเร็วกว่าปกติ จาก 4 - 6 เดือน เหลือเพียง 1 - 2 เดือนเท่านั้น
ดื้อโบลดริ้วรอย เกิดจากสาเหตุอะไร?
- ฉีดโบถี่หรือปริมาณมากเกินไป: ควรเว้นระยะห่าง 3-4 เดือนต่อครั้ง หากฉีดถี่เกินไปอาจทำให้ดื้อยาได้
- โบปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน: การใช้โบคุณภาพต่ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้
- ระบบภูมิคุ้มกัน: ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้าน ทำให้ผลลัพธ์ลดลงหรือไม่ได้ผล
ฉีดโบแล้วทำหัตถการอื่นได้ไหม?
- การฉีดโบลดริ้วรอยสามารถทำหัตถการอื่นได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ หรือการยกกระชับผิว โดยแพทย์จะประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาให้เหมาะสม
สรุปการฉีดโบลดริ้วรอย
การฉีดโบลดริ้วรอยช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าจากการแสดงอารมณ์หรืออายุที่เพิ่มขึ้น และยังใช้รักษาโรคบางชนิด เช่น ไมเกรนหรือกล้ามเนื้อหดเกร็ง สำหรับผู้ที่สนใจ ทางรมย์รวินท์คลินิกมีบริการและคำปรึกษาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ
อ้างอิงจาก: https://www.romrawin.com/bo-injection/
https://www.romrawin.com/bo-review/