(18+)เมื่อสาวสวยแอบสามีไปเป็นไซด์ไลน์
“Belle de Jour” (1967) เป็นภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่กำกับโดย Luis Buñuel ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่มีอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์อย่างมาก ผลงานนี้เป็นการร่วมงานระหว่างผู้กำกับชั้นครูของวงการภาพยนตร์ยุโรปและนักแสดงชื่อดัง Catherine Deneuve ซึ่งทำให้ “Belle de Jour” กลายเป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่ยังคงได้รับความนิยมและการพูดถึงอย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เพียงแค่เล่าเรื่องของการเสาะหาความหมายในชีวิต แต่มันยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างสังคม ศีลธรรม และความปรารถนาในด้านต่างๆ
“Belle de Jour” เล่าเรื่องราวของ เซซิเลีย (รับบทโดย Catherine Deneuve), หญิงสาวผู้เป็นภรรยาของ พีแอร์(รับบทโดย Jean Sorel) ชายหนุ่มที่มีฐานะและสถานภาพในสังคมที่ดี เธอมีชีวิตที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่กลับรู้สึกว่างเปล่าและขาดความพึงพอใจทางเพศ โดยที่เธอไม่สามารถเปิดเผยความปรารถนานี้กับสามีได้
เซซิเลียไม่สามารถหลีกหนีความรู้สึกที่ไม่สมบูรณ์ในชีวิตการแต่งงานของเธอได้ และเธอก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวเอง และสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ เมื่อเธอได้พบกับการทำงานในฐานะโสเภณีในช่วงกลางวัน ภายใต้ชื่อ “Belle de Jour”หรือ “สาวงามแห่งยามบ่าย” เซซิเลียก็พบวิธีที่เธอจะได้สัมผัสความต้องการของตนเองในทางที่สังคมไม่ยอมรับ
การที่เซซิเลียเลือกที่จะเป็นโสเภณีในเวลากลางวันไม่ใช่แค่เพียงการแสวงหาความตื่นเต้นทางเพศ แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความต้องการที่ซ่อนเร้นในตัวเธอซึ่งไม่สามารถได้รับการเติมเต็มจากการแต่งงานแบบดั้งเดิม ในขณะที่ชีวิตคู่ของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรักที่ปราศจากความตื่นเต้น เธอจึงเลือกที่จะหลบหนีไปสู่โลกแห่งความลับที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและความขัดแย้งภายในจิตใจ
ในขณะที่เธอทำงานในฐานะโสเภณี เซซิเลียได้พบกับตัวตนที่แตกต่างออกไปจากภาพลักษณ์ที่สังคมมอบให้แก่เธอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าทำให้เธอได้สำรวจตัวเองในหลายๆ ด้าน รวมถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อการควบคุมและการปลดปล่อยจากการกระทำที่ไม่ธรรมดาในสายตาของสังคม
แม้ว่าการทำงานของเซซิเลียจะทำให้เธอรู้สึกเป็นอิสระ แต่การเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างความรู้สึกที่จริงใจต่อสามีและความตื่นเต้นจากการมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่นก็เริ่มสร้างความเครียดภายในจิตใจของเธอ เซซิเลียจึงเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับพีแอร์และสิ่งที่เธอต้องการจากชีวิต ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มรู้สึกถึงความเสื่อมโทรมของการกระทำที่เธอทำในช่วงกลางวันซึ่งตรงข้ามกับภาพลักษณ์ของเธอในสังคม
การขัดแย้งนี้กลายเป็นหนึ่งในธีมหลักของเรื่องที่ “Belle de Jour” ต้องการสะท้อนให้ผู้ชมเห็น การแสดงออกทางเพศที่สังคมมองว่าเป็นสิ่งที่ผิดแปลกกลับกลายเป็นการกระทำที่ทำให้ตัวละครรู้สึกมีพลังในการควบคุมชีวิตของตนเอง อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดและความขัดแย้งระหว่างความต้องการในตัวเองกับความคาดหวังของสังคมเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ภายในภาพยนตร์เซซิเลียต้องเผชิญกับการเปิดเผยบางสิ่งที่เธอไม่สามารถยอมรับได้อย่างง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อ พีแอร์ สามีของเธอเริ่มสงสัยและตามหาความจริงเกี่ยวกับชีวิตที่ลับของเธอ เมื่อพีแอร์เริ่มรู้ความจริงเกี่ยวกับการทำงานของเธอในฐานะโสเภณี เขาก็รู้สึกตกใจและไม่สามารถยอมรับได้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังรักเธอและไม่สามารถตัดขาดจากเธอได้ ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนนี้ทำให้เซซิเลียต้องตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อไปในเส้นทางที่เลือกหรือจะย้อนกลับไปหาความรักที่ปลอดภัยกับสามีของเธอ
ภาพยนตร์จบลงด้วยความขัดแย้งที่ยังคงค้างคาอยู่ในจิตใจของเซซิเลีย เธอไม่สามารถหลุดพ้นจากความขัดแย้งระหว่างการค้นหาความต้องการในตัวเองและการรักษาภาพลักษณ์ของความเป็น “ผู้หญิงดี” ตามมาตรฐานของสังคม
“Belle de Jour” เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความต้องการทางเพศที่ซ่อนเร้นและการแสวงหาความหมายในชีวิต มันสำรวจการต่อสู้ของตัวละครที่ต้องเลือกว่าจะอยู่ในกรอบของสังคมหรือจะเลือกเส้นทางที่เสี่ยงและแปลกใหม่ แม้ว่าภาพยนตร์จะเน้นไปที่ความต้องการทางเพศ แต่ก็ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องเพศเท่านั้น เพราะมันยังสะท้อนถึงการค้นหาตัวตนและการเป็นตัวของตัวเองในโลกที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและการตัดสินจากผู้อื่น
“Belle de Jour” เป็นภาพยนตร์ที่สำรวจความลึกซึ้งของจิตใจมนุษย์ ผ่านการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใครและความสามารถในการสะท้อนความขัดแย้งภายในของตัวละคร การที่เซซิเลียเลือกที่จะทำในสิ่งที่สังคมมองว่าไม่เป็นที่ยอมรับ เป็นการสื่อถึงการต่อสู้เพื่อหาความพึงพอใจส่วนตัวในขณะที่ต้องรับมือกับความรู้สึกผิดและการแย่งชิงระหว่างความรักและการแสวงหาความรู้สึกทางเพศที่แท้จริง ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่เรื่องของความรักและเพศ แต่ยังเป็นการสำรวจความซับซ้อนของชีวิตและการเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของตนเอง