แอร์ เพิ่มความสบายภายในบ้าน พร้อมวิธีเลือก BTU เบื้องต้นที่นี่!
แอร์ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยปรับอุณหภูมิในห้องให้เย็นสบาย เหมาะสำหรับการใช้ในพื้นที่ที่ต้องการปรับอากาศ มีวิธีการทำงานอย่างไร ต้องเลือกอะไรก่อนซื้อบ้าง อ่านเลย
เครื่องปรับอากาศ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อแอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยปรับอุณหภูมิและความชื้นในห้องให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มความสบายให้กับผู้ใช้งานในสภาพอากาศที่ร้อนหรืออบอ้าว โดยเฉพาะแอร์ติดผนังที่นิยมใช้ในบ้านและออฟฟิศ เนื่องจากการติดตั้งที่สะดวกและประหยัดพื้นที่ แอร์มีประโยชน์ทั้งในด้านการเพิ่มความเย็นสบายและช่วยกรองอากาศจากฝุ่นละออง สร้างบรรยากาศที่ดีต่อสุขภาพและการทำงาน ในบทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับแอร์มาไว้แล้ว!
ประเภทของแอร์มีอะไรบ้าง?
แอร์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการช่วยปรับอากาศให้เย็นสบายในช่วงฤดูร้อนหรือในพื้นที่ที่อากาศร้อนจัด โดยแอร์มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการใช้งานและขนาดของพื้นที่ที่ต้องการปรับอากาศ ยกตัวอย่างได้ดังนี้
- แอร์ติดผนัง (Wall-mounted Air Conditioner)
แอร์ติดผนังเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุดในบ้านและออฟฟิศ เนื่องจากติดตั้งง่ายและไม่ต้องการพื้นที่มาก มีประสิทธิภาพในการปรับอากาศในห้องขนาดกลางถึงใหญ่
- แอร์ตั้งพื้น (Floor-standing Air Conditioner)
เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่สามารถติดตั้งแอร์ผนังได้ หรือหากต้องการความยืดหยุ่นในการเคลื่อนย้าย ตัวเครื่องจะตั้งอยู่บนพื้นและสามารถปรับทิศทางการเป่าอากาศได้
- แอร์แบบฝังฝ้า (Ceiling-mounted Air Conditioner)
เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่กว้างหรือในสถานที่ที่ต้องการความสะดวกในการบำรุงรักษา แอร์ประเภทนี้จะฝังตัวในเพดานและกระจายลมออกมาได้ทั่วถึง
- แอร์แบบพกพา (Portable Air Conditioner)
แอร์แบบพกพาเป็นแอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้อย่างสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถติดตั้งแอร์ถาวร เช่น ในห้องเช่าหรือห้องที่ไม่มีการติดตั้งท่อระบายอากาศ
ระบบการทำงานของแอร์แบบต่าง ๆ
การเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงานนั้น ต้องพิจารณาถึงระบบการทำงานของแอร์ปรับอากาศ โดยทั่วไปแล้ว แอร์จะแบ่งหลัก ๆ เป็น 2 ประเภท คือ แอร์ธรรมดา และ แอร์ Inverter ซึ่งแต่ละระบบมีการทำงานที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการปรับอากาศภายในห้อง สำหรับการใช้งานในแอร์ติดบ้าน หรือ แอร์ Wall Type สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการและลักษณะของห้อง
แอร์ธรรมดา
แอร์ธรรมดา หรือที่เรียกว่าแอร์แบบสลับความเย็น ทำงานโดยการเปิดและปิดคอมเพรสเซอร์ตามอุณหภูมิในห้องที่ต้องการ เช่น เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจนเกินกำหนด คอมเพรสเซอร์จะทำงานเต็มที่เพื่อทำให้ห้องเย็นลงจนถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้แล้วก็จะหยุดทำงานชั่วคราวจนเกิดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิใหม่ วิธีนี้ทำให้แอร์ธรรมดามีการใช้พลังงานมากขึ้นในช่วงที่คอมเพรสเซอร์ทำงานเต็มที่
แอร์ Inverter
แอร์ Inverter เป็นแอร์ที่สามารถปรับความเร็วของคอมเพรสเซอร์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องเปิดหรือปิดคอมเพรสเซอร์เหมือนแอร์ธรรมดา จึงช่วยประหยัดพลังงานและควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ การทำงานของแอร์ Inverter ช่วยให้ห้องเย็นเร็วขึ้นและรักษาอุณหภูมิได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักตลอดเวลา ทำให้ประหยัดไฟฟ้าและมีเสียงรบกวนที่น้อยลง เหมาะกับแอร์บ้านที่ต้องการการทำงานที่เงียบและประหยัดพลังงานในระยะยาว
ดีไซน์ของแอร์แบบไหนดีที่ควรเลือกซื้อ
การเลือกซื้อแอร์นั้น นอกจากประสิทธิภาพการทำงานและประหยัดพลังงานแล้ว ดีไซน์ของเครื่องแอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องติดตั้งเครื่องแอร์ในพื้นที่ที่ต้องการให้สอดคล้องกับการออกแบบภายในบ้านหรือสำนักงาน สำหรับการซื้อแอร์ควรพิจารณาถึงขนาดและรูปร่างของเครื่องที่สามารถเข้ากับสไตล์การตกแต่งได้ เช่น แอร์ติดผนังที่มีการออกแบบทันสมัยและบาง หรือแอร์ที่มีสีสันและฟังก์ชันเพิ่มเติมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ควรคำนึงถึงการดูแลรักษาและความสะดวกในการทำความสะอาดของตัวเครื่องอีกด้วย
ขนาดห้องเท่าไหร่ควรใช้แอร์กี่ BTU?
การเลือกซื้อ BTU (British Thermal Unit) ของแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้องเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน หากเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสมกับขนาดห้อง อาจทำให้เครื่องปรับอากาศติดผนังทำงานหนักเกินไปหรือไม่เย็นเพียงพอ หรืออาจทำให้เราจ่ายราคาแอร์สูงเกินจำเป็น โดยทั่วไป การเลือก BTU ควรคำนวณตามขนาดห้อง ดังนี้
- ห้องขนาด 9-14 ตร.ม. ควรเลือกใช้แอร์ที่มี BTU ประมาณ 9,000 BTU
- ห้องขนาด 15-18 ตร.ม. ควรเลือกใช้แอร์ที่มี BTU ประมาณ 12,000 BTU
- ห้องขนาด 19-22 ตร.ม. ควรเลือกใช้แอร์ที่มี BTU ประมาณ 15,000 BTU
- ห้องขนาด 23-26 ตร.ม. ควรเลือกใช้แอร์ที่มี BTU ประมาณ 18,000 BTU
- ห้องขนาด 27-34 ตร.ม. ควรเลือกใช้แอร์ที่มี BTU ประมาณ 24,000 BTU
สรุปเกี่ยวกับแอร์
แอร์ หรือ เครื่องปรับอากาศ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยปรับอุณหภูมิในห้องให้เย็นสบาย โดยมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีระบบการทำงานและประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน การเลือกซื้อแอร์ควรพิจารณาตามขนาดห้องและ BTU ที่เหมาะสม เพื่อให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงดีไซน์ที่เข้ากับการตกแต่งบ้านหรือสำนักงาน รวมถึงการดูแลรักษาเครื่องแอร์ให้คงประสิทธิภาพยาวนาน