GN'R "ราคะแห่งดนตรี ตัณหาแห่งอารมณ์"
Guns N' Roses
Appetite for Destruction
"ราคะแห่งดนตรี ตัณหาแห่งอารมณ์"
เป็นสตูดิโออัลบั้มเปิดตัวของวงฮาร์ดร็อกอเมริกัน ออกวางขายวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ.1987 ภายใต้สังกัดเกฟเฟนเรเคิดส์ ได้รับเสียงวิจารณ์ด้านบวกและขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด 200 จากข้อมูลเดือนกันยายน ค.ศ.2008 อัลบั้มได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว 18 ครั้งจาก RIAA มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 35 ล้านชุด
ซิงเกิลจาก Appetite for Destruction
• "It's So Easy" จำหน่าย: 15 มิถุนายน ค.ศ.1987
• "Welcome to the Jungle" จำหน่าย: 3 ตุลาคม ค.ศ.1987
• "Sweet Child o' Mine" จำหน่าย: 17 สิงหาคม ค.ศ.1988
• "Paradise City" จำหน่าย: 30 พฤศจิกายน ค.ศ.1988
• "Nightrain" จำหน่าย: 29 กรกฎาคม ค.ศ.1989
ย้อนรอยอดีตกับผลงานแจ้งเกิดที่ประสบความสำเร็จกับอัลบั้มชุดแรก Appetite for Destruction ของวง Guns N' Roses ซึ่งปกอัลบั้มดั้งเดิมออกครั้งแรกเป็นภาพวาดหุ่นยนต์กำลังข่มขืนผู้หญิงของ Robert Williams จิตรกรนักเขียนการ์ตูนชาวอเมริกัน ตอนแรก Axl Rose เห็นภาพบนโปสการ์ดรูป Appetite for Destruction ที่ไหนสักแห่งในลอสแองเจลิส หลังจากนั้นจึงขออนุญาตใช้ภาพกับอัลบั้มชุดแรก Robert Williams ได้โทรศัพท์ถามว่าให้ใช้ชื่อภาพวาดเป็นชื่ออัลบั้มได้หรือไม่ Axl Rose ตกลงใช้ชื่ออัลบั้ม Appetite for Destruction ตามชื่อภาพวาดนั่นเอง ในเวลาต่อมาเกิดปัญหากับบางร้านค้าปฏิเสธในการวางจำหน่ายจึงทำให้ต้องเปลี่ยนปกอัลบั้มใหม่เป็นรูปกางเขนและมีกะโหลกศีรษะของสมาชิกวงแทน ออกแบบโดย Billy White Jr. เชิญอ่านรีวิวโดย พัณณาศิส ศิลาพันธุ์ จากคอลัมน์ No.1 นิตยสาร Voice ฉบับเมื่อปี 1989
ผลงานของ Guns N' Roses ชุด Appetite for Destruction เป็นงานที่ใช้ระยะเวลานานพอสมควรทีเดียวถึงจะโด่งดังในแบบสุดขีดได้ ที่แม้แต่ผู้ผลิตงานขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นผู้อยู่บนจุดใดก็อดแปลกใจไม่ได้ ใครจะคาดคิดว่าวงโนแนมที่ไม่เคยมีผลงานในรูปแบบอัลบั้มมาก่อนเลยจะมีผลงานขึ้นไปเหยียบอันดับ 1 ได้ แม้ว่าในอดีตคณะนี้จะผ่านการเล่นดนตรีตามบาร์ตามคลับมาอย่างโชกโชนก็ตาม ต้องมีอะไรที่เด่นเป็นพิเศษสักอย่าง หรือมากกว่านั้นที่ทำให้วงดนตรีคณะนี้ก้าวมาถึงจุดแห่งความฝันซึ่งแม้แต่บุคคลผู้ประกอบอาชีพและมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะในระดับต่างก็หวังว่าจะมีโอกาสเช่นนี้สักครั้ง แต่บางครั้งทุกอย่างไม่เคยเป็นใจให้เลย ภาพพจน์ของทางคณะหรือ? ที่ดูเถื่อน, ดิบ, หยาบคาย, โลน, กักขระ ฯลฯ หรืออะไรก็ตามที่มีภาพพจน์ออกไปทางลบ ต่างประดังเข้ามาสู่คณะนี้ได้เต็มที่ Axl Rose คือ นักร้องที่แทบจะเรียกได้ว่าพูดคำสบถคำ แต่ถ้านี่คือเหตุผล วงดนตรีในโลกนี้ที่มีภาพพจน์เช่นนี้มากเหลือคณานับ ทำไมก้าวไม่ถึงจุดที่ทางคณะทำกันออกมาได้สักหน การประชาสัมพันธ์ของตัวแทนจัดจำหน่ายหรือก็อาจมีส่วนสำคัญ แต่ในอดีตครั้งเริ่มแรกของก่อตั้งเปิดผลงานทางบริษัท Geffen ประชาสัมพันธ์ผลงานให้ทางคณะ Tesla หนักข้อกว่าเยอะ คณะ Tesla ไม่ดีพอหรือจึงประสบความสำเร็จพอสมน้ำสมเนื้อเท่านั่นเอง
แต่ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบใดก็ตามที่ทำให้คณะนี้ดังขึ้นมาได้ สิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้เลยในทุกแง่มุมคือ คณะ Guns N' Roses เป็นคณะที่มีฝีมือและมีมากด้วย เอางานของวงร่วมสมัยที่มีแนวทาง เดียวกันมาเทียบได้เลย หามีคณะที่อุดมไปด้วยความสดแห่งการผลักดันพลังแห่งวัยหนุ่มออกมาได้เต็มที่เช่นนี้ แนวทางของ Guns N' Roses เป็นรูปแบบของโครงสร้างดนตรีในแบบที่ทาง Aerosmith ได้เคยสร้างมาก่อนในอดีต ลองหาผลงานของ Aerosmith ในชุด Toys in the Attic, Rocks มาเปรียบเทียบกับงานของคณะนี้ จากดนตรีส่วนใหญ่ อาทิ Out ta Get Me, Paradise City ถ้าตัดโครงสร้างของเสียงร้องออกแล้ว อาจจะเรียกได้เลยว่าภาคดนตรีนั้นคือ Aerosmith ในส่วนของการบรรเลงนั่นเอง แต่โปรดอย่านำผลงานของ Aerosmith อย่างในอัลบั้มชุด Permanent Vacation มาเปรียบเทียบเพราะ Aerosmith ในปัจจุบันหาใช่ Aerosmith ในอดีต เพียงแต่เป็นสมาชิกของกลุ่มเดิมของคณะที่คงพยายามรักษาชื่อและภาพพจน์ของอดีตที่เคยมีอยู่เอาไว้ แต่หาใช่การรักษาโครงสร้างทางดนตรีที่ตนบุกเบิก องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ดนตรีของ Guns N' Roses หลุดออกจากภาพพจน์ของแนวทาง Aerosmith ไปได้แบบไม่ต้องหลอกลวงผู้ฟังต้องยกความดีความชอบให้กับ Axl Rose นักร้องนำ แม้ว่าในปัจจุบันนักร้องนำของวงร็อคส่วนมาก ขอเพียงแค่ตะเบ็งเสียงออกมาได้เต็มปากเต็มคำก็ทำให้แนวทางดนตรีถูกจัดประเภทให้กลายเป็นเฮฟวี่ได้อย่างง่ายดาย หลายคนลืมโทนเสียงแหลมแต่กรีดในรูปแบบ Robert Plant ไปเสียแล้ว ที่แม้แต่ปัจจุบันถ้าจะฟังเสียงที่เด่นจริงของ Robert Plant ก็ต้องฟังจากงานเก่าก่อนในอดีต Ian Gillan นักร้องที่ใช้พลังปอดได้อย่างเหลือเชื่อ Ozzy Osbourne ซึ่งขอเพียงเสียงไม่ตกเขาจะอยู่ในวงการนี้ได้ตลอดกาล Paul Rodgers ผู้มีพลังเสียงดนตรีบลูส์ในแบบคนผิวดำในกล่องพลังเสียงแบบคนผิวขาวได้ดีที่สุดเท่าที่วงการดนตรีเคยมีมา แล้วเสียงของ Axl Rose ล่ะมีจุดเด่นเช่นไรที่สามารถก้าวขึ้นไปสอดแทรกกำแพงที่ไม่หลงเหลือรอยต่อของช่องว่างได้ ในใจผมว่าเสียงของ Axl Rose มีมนต์พิเศษและลักษณะเด่นบางประการ เสียงของเขาไม่แหลมสูงจากการไต่ระดับเสียงได้ในแบบที่ Robert Plant เคยกระทำมา แต่ก็ด้อยกว่ากันไม่มากเท่าไหร่ ในขณะเดียวกันเสียงแหลมแห่งโทนของระดับนั้น ก็มีความแหบและกว้างของโทนเสียงในแบบ Paul Rodgers เข้ามาแทรกเต็มทุกอณูแห่งถ้อยคำ สรรพสำเนียงของน้ำเสียงที่เข้าไปผลักดันรอยต่อเหมือนนักร้องเพลงบลูส์ที่มาร่วมงานกับวงเฮฟวี่ ถ้าคณะนี้มีเสน่ห์ที่น่าจับต้องมองดูกันในแง่ของดนตรีอย่างเดียวแล้ว Axl Rose คือผู้ขับส่งประกายแห่งแนวทางของคณะให้โดดเด่นที่สุด เขาอาจจะกลายเป็นนักร้องที่มีเสียงซึ่งจะกลายเป็นตำนานในแบบที่นักร้องรุ่นพี่ที่เอ่ยอ้างชื่อมาแล้วได้รับการยกย่อง ความมัน ความสะใจทางด้านดนตรีของคณะนี้แทบจะเรียกได้ว่า วิ่งพล่านทุกอณูของเข็มนาฬิกายามที่เสียงดนตรีเริ่มกระหึ่มขึ้น ถ้าต้องการการตอบแทนในแง่นี้จากสาขาดนตรีในโทนนี้เพียงอย่างเดียว บอกได้เลยว่าชื่อเสียงที่เขาได้รับมานั้นจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สมควรปฎิเสธก็คือ คณะนี้มีฝีมือในแบบที่ควรจะได้รับชื่อเสียงเช่นในปัจจุบันจริงๆ ส่วนหนึ่งที่ไม่สมควรมองข้ามถึงคุณลักษณะอันเป็นจุดเด่นของทางคณะนี้ก็คือ “ความกักขระ” ในประเด็นนี้ ทางคณะสอดใส่และแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพราะจุดหลักใหญ่ของเนื้อหาทางดนตรี เนื้อเพลงส่วนมากของคณะนี้มุ่งประเด็นไปทางเรื่อง “เซ็กซ์” มากกกว่าประเด็นอื่นอย่างชนิดที่เรียกว่า พอดูเนื้อเพลงก็ไม่จำเป็นต้องตีความกันเลย ในสมัยก่อน เรามีวงดนตรีส่วนมากที่ชอบใช้ประโยคสองแง่สองง่าม เพื่อจะกล่าวถึงเรื่องใต้สะดือจนมีคำพูดกล่าวว่า วงดนตรีร็อคเนื้อเพลงก็วกเวียนอยู่เพียงแค่ เซ็กซ์, ยา, ชีวิตสกปรกหรือการใช้ชีวิตปล่อยไปวันๆ อย่างสนุกสนาน เสมือนดั่งหนึ่งการสอดใส่เนื้อเพลงลงไปในท่วงทำนองเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้งที่จะพูดและกล่าวถึงเท่าไหร่นัก ศิลปินที่ใช้เนื้อเพลงพูดถึงเรื่องเซ็กซ์อย่างจะแจ้งในช่วงหลังๆ ที่เด่นชัดมากก็คือ Prince แต่ถ้าเอามาเทียบกับคณะนี้ถ้าจะดูคุณลักษณะแห่งระนาบของความหมายที่ส่งออกมา เนื้อเพลงของ Prince ยังห่างจากคณะนี้นัก และส่วนมากเนื้อเพลงที่ออกทางเรื่องเซ็กซ์จะออกไปในทางตลกโปกฮาเสียมากกว่าอาทิเพลง Hot for Teacher ของคณะ Van Halen แม้ว่าจะเป็นการสร้างตัวละครที่เด็กๆ มองครูและสร้างจินตนาภาพว่า ครูของตนเองนั้นควรจะเป็นอย่างไร ภายใต้เครื่องห่อหุ้มร่างกายครูจะมีลักษณะเช่นไร ถึงจะออกล้ำเส้นทางศีลธรรมไปบ้าง แต่ก็ไม่โจ่งแจ้งถ้าจะเอาความโจ่งแจ้งก็ต้องแบบคณะนี้ล่ะครับ แทบทุกเพลงเลยที่พูดถึงเซ็กซ์ เหมือนดั่งว่าผู้หญิงนั้นเป็นของง่ายอาทิเพลง Welcome to the Jungle เนื้อเพลงบางท่อนที่อยากยกให้ดู
“ If You Get the Money Honey “
“ We Got You Disease “
ถอดความเป็นภาษาไทยไม่ต้องเอาความสละสลวยทางภาษานะครับ เอาแบบให้เป็นในโทนเดียวกับสิ่งที่ทางคณะต้องการเสนอแล้วกัน “ถ้าเอ็งมีนะไอ้หนู มาสนุกกันให้หาย ………กันดีกว่า” คำสุดท้ายไม่กล้าแปลเพราะจะหยาบเกินไป แม้เนื้อเพลงจะไม่ใช่ถ้อยคำในแบบที่ลงภาษาไทยก็ตาม แต่โครงสร้างของเนื้อเพลงออกไปแนวทางนี้เด่นชัดมาก อย่างเพลง My Michelle เป็นเรื่องของเด็กที่ค่อนข้างขาดความอบอุ่นทางครอบครัว เมื่อไม่มีใครคอยดูแล ก็ตะเลิดเปิดเปิงไปสนุกกับเซ็กซ์ไปวันๆ ถ้าไม่ทำตัวเป็นผู้ดีที่ทนฟังในเรื่องพวกนี้ไม่ได้ รับรองว่าคุณจะสนุกสนานไปกับดินแดนแห่งเซ็กซ์ที่คณะนี้จะพาคุณตะลุยดินแดนแห่งเกาะแก่งแทบทุกรูปแบบเลย โสเภณี, น้องเพื่อน, เพื่อนบ้านสาว อะไรมันจะง่ายไปหมดได้ขนาดนี้
ถ้า Prince เป็นผู้สร้างและปฎิวัติการใส่เนื้อเพลงลงอย่างโจ่งแจ้งแบบมองเห็นทุกส่วนสัดของความเสียวซ่านในอารมณ์ Guns N' Roses ก็คือผู้ที่นั่งบัลลังก์ของจอมราชันย์ในแบบถึงจริงๆ และจะว่าตามความจริงแล้ว ดนตรีในแนวนี้คงมีไม่มากนักในหมู่คนฟังที่จะใส่ใจในเนื้อร้องอย่างจริงจัง เพราะความสนุกสนานและอารมณ์ร่วมแห่งแนวทางดนตรีนี้อยู่ที่ความมันส์, เถื่อน, และสะใจของอารมณ์ซึ่งน่าจะเป็นเป้าประสงค์หลักจริงๆ ถ้าคุณมองหาสถานภาพเช่นนั้น บอกได้เลยว่าคณะนี้มีให้คุณเต็มที่ ทั้งความสามารถและการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคุณ
ตามปกติผมเป็นคนชอบตลกร้าย แม้บ่อยครั้งจะโดนเรื่องพวกนี้ย้อนกลับมาเล่นงานตนเองก็ตาม แต่พอเห็นเรื่องพวกนี้ทีไรก็อดเอามาเล่าสู่กันฟังไม่ได้ ในผลงานชุดนี้สำหรับแผ่นเสียงที่ผมใช้งาน มีสติ๊กเกอร์คาดเอาไว้เป็นคำเตือนบอกกล่าวเป็นคำเตือนว่า
“วัตถุดิบที่มีอยู่ในผลงานชุดนี้ อาจจะสร้างความรู้สึกที่รุนแรงในอารมณ์แห่งการสัมผัสต่อบางบุคคลผู้เสพ”
สะใจจริงๆ ครับ เป็นการวางแผนการตลาดที่ตรงเป้ามาก เป้าประสงค์หลักของงานชุดนี้ก็ขายเด็กกันอยู่แล้ว เรียกได้ว่ามีกลยุทธ์อย่างไร ก็งัดกันออกมาใช้เลย หรืออย่างในซองใส่แผ่นเสียงก็เขียนไว้เลยว่า With Your Bitch Slap Rappin' and Your Cocaine Tongue ขออนุญาตไม่แปล ที่รุนแรงมากจนถูกแบนก็คือ ภาพในซองใส่แผ่นเสียง ซึ่งครั้งแรกสุดนั้นก็ปกอัลบั้มชุดนี้ เป็นฝีมือการวาดของ Robert Williams เป็นภาพของสาวน้อยถูกหุ่นยนต์ข่มขืน สะใจจริงๆ ถ้าโลกนี้มีความเลวร้ายมากขนาดใดอาจจะบอกได้เลยว่า คณะนี้ยัดใส่ลงไปในอัลบั้มชุดนี้จนแทบหมดด้วยความยาวของอัลบั้มที่หย่อน 1 ชั่วโมงไม่ถึง 3นาที นี่เป็นครั้งแรกที่สนุกไปกับการฟังดนตรีที่ยาวยาวเช่นนี้ในแนวทางนี้มากอย่างชนิดที่หาคำบรรยายออกมาไม่ได้ Guns N' Roses สร้างตัณหาแห่งดนตรีขึ้นมา โดยจับจุดราคะในอารมณ์ของคนฟังมาเป็นตัวขายได้ถูกและตรงเป้าที่สุด ในปัจจุบันคณะนี้เป็นคณะที่ร้อนแรงที่สุด, ดังที่สุด, สร้างสถิติใหม่ได้ดีมาก แต่ที่ปฎิเสธไม่ได้เลยสำหรับผมก็คือ “เขาสมควรได้รับความสำเร็จนั้น” เพราะสิ่งที่เขาเสนอนั้นคือของแท้เป็นแรงปะทุของภูเขาไฟที่กลั้นมานานแล้วเมื่อถึงเวลาลาวาก็ถูกปลดปล่อย และนี่คือ พลังแห่งคนหนุ่มในทศวรรษที่ 90 คนที่คิดจะโค่น Guns N' Roses ในอนาคตอาจจะมีได้ แต่ยากที่จะปฎิเสธว่าผลงานชุดนี้เป็นหนึ่งในผลงานในรูปแบบเฮฟวี่ ที่ดีที่สุดในทศวรรษที่ 80 ชุดหนึ่ง จากอดีตมาจนถึงปัจจุบันทีเดียว สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การให้สัมภาษณ์ของทางคณะที่กล่าวว่า ไม่เคยใส่ใจในชื่อเสียง ขอให้เขาได้ทำดนตรีที่เขาอยากเล่นแค่นั้นก็พอ จำคำพูดประโยคนี้ให้ดีนะครับ มีวงรุ่นพี่หลายวงที่ตอนยังไม่ดังก็เอ่ยคำพูดแบบนี้แต่พอดังแล้วพลังงานและไฟในตัวเองหายไปหมด สิ่งที่พวกรุ่นพี่ในอดีตที่ยังอยู่ในปัจจุบันพยายามทำก็คือ การคงอยู่ในวงการให้นานที่สุดเท่านั้นเอง Aerosmith คือตัวอย่างที่ Guns N' Roses เอามาเป็นแม่แบบของแนวทางดนตรีกำลังทำอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว มองโลกในแง่ดีว่า Guns N' Roses คงไม่ทำขึ้นมาหรอกนะ แต่ยังไม่เคยเห็นใครไม่ทำเลยสักครั้ง ถ้ามีโอกาสก็ควรรีบฉวยดูความใหม่และสดของคณะที่ร้อนที่สุดในโลกแห่งปัจจุบันกาลคณะนี้ เพราะนี่คือผลงานที่สมควรจะร้อนแรงจริงๆ…
โดย พัณณาศิส ศิลาพันธุ์ : Wikipedia.org