ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของอเมริกา ผู้คร่าชีวิตกว่า 200 ศพใน ปราสาทแห่งความตาย!!
ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของอเมริกา ผู้คร่าชีวิตกว่า 200 ศพใน ปราสาทแห่งความตาย!!
ในประวัติศาสตร์อาชญากรรมของสหรัฐอเมริกา ชื่อของ H.H. Holmes หรือ ดร.เฮนรี โฮเวิร์ด โฮล์มส์ ยังคงเป็นที่กล่าวขวัญถึงในฐานะฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของประเทศ เขาเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ความฉลาด และความชั่วร้ายที่ซ่อนเร้นไว้เบื้องหลังหน้ากากของแพทย์และนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผย โลกได้รู้ว่าภายใต้บุคลิกที่ดูน่าเชื่อถือนั้น แท้จริงแล้วเขาคือปีศาจในร่างมนุษย์ ผู้สร้าง “ปราสาทแห่งความตาย” เพื่อล่อลวงเหยื่อเข้าสู่กับดักที่ไร้ทางหนี
H.H. Holmes มีชื่อจริงว่า เฮอร์แมน เว็บสเตอร์ มัดเจ็ตต์ (Herman Webster Mudgett) เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1861 ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ เขาเติบโตในครอบครัวที่เคร่งครัดในศาสนาและมีวินัยสูง แต่ในวัยเด็ก เขาแสดงพฤติกรรมผิดปกติ เช่น การทรมานสัตว์ ซึ่งเป็นสัญญาณของความผิดปกติทางจิตที่ต่อมาพัฒนาเป็นพฤติกรรมฆาตกรรม
หลังจากจบการศึกษาด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน Holmes ใช้ความรู้ด้านกายวิภาคในการก่ออาชญากรรม ตั้งแต่การฉ้อโกงประกันชีวิต โดยการขโมยศพเพื่อปลอมแปลงเป็นผู้เสียชีวิต ไปจนถึงการสร้างสิ่งที่กลายมาเป็นตำนานความสยองขวัญในเวลาต่อมา
ในปี 1886 Holmes ย้ายมาที่เมืองชิคาโกและเริ่มสร้าง “ปราสาทแห่งความตาย” หรือ “Murder Castle” ที่กลายเป็นสถานที่แห่งการสังหารโหด ปราสาทแห่งนี้เป็นอาคารขนาดใหญ่สามชั้นที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ มีทั้งโรงแรม ร้านขายยา และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้มาใช้บริการ
แต่สิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้คือ ภายในปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยห้องลับ ทางเดินลวง บันไดที่ไม่มีทางออก และห้องทรมานที่ถูกออกแบบมาเพื่อการสังหารโดยเฉพาะ Holmes ใช้พื้นที่เหล่านี้ล่อลวงเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวที่มาหางานหรือเข้าพักในโรงแรม
Holmes มีวิธีการฆ่าที่แยบยลและโหดเหี้ยม เขาใช้ห้องที่ถูกออกแบบเป็น “ห้องแก๊ส” เพื่อปล่อยแก๊สพิษเข้าสังหารเหยื่ออย่างช้าๆ บางห้องถูกสร้างเป็นเตาอบขนาดใหญ่เพื่อเผาทำลายศพ ขณะที่บางครั้งเขายังชำแหละศพเพื่อขายอวัยวะและโครงกระดูกให้กับโรงเรียนแพทย์
ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของ Holmes มีทั้งผู้หญิงที่เขาล่อลวงด้วยเสน่ห์และคำหวาน รวมถึงผู้ที่ทำธุรกิจร่วมกับเขา เหยื่อบางรายถูกฆ่าเพราะความโลภของ Holmes ที่ต้องการยึดทรัพย์สินหรือเงินประกันชีวิต
จำนวนเหยื่อของ Holmes ยังคงเป็นปริศนา แต่มีการประมาณการว่าเขาอาจคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 200 ราย ในช่วงเวลาที่เขาก่ออาชญากรรม แม้ว่าจำนวนที่สามารถยืนยันได้จะอยู่ในระดับที่น้อยกว่านี้ แต่ความซับซ้อนของปราสาทและวิธีการที่ Holmes ซ่อนร่องรอยทำให้การระบุจำนวนเหยื่อที่แท้จริงเป็นไปได้ยาก
ในปี 1894 Holmes ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงประกันชีวิต แต่ในระหว่างการสืบสวน ตำรวจพบเบาะแสที่นำไปสู่การเปิดโปง “Murder Castle” และการสังหารหมู่ที่เขาก่อขึ้น
ในที่สุด Holmes ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาฆาตกรรม Benjamin Pitezel หนึ่งในหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขา Holmes ถูกแขวนคอเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1896 แต่ก่อนตาย เขายอมรับการฆ่าเหยื่อเพียง 27 ราย แม้ว่าหลักฐานจะชี้ว่าเขาก่อเหตุฆาตกรรมมากกว่านั้นหลายเท่า
เรื่องราวของ H.H. Holmes และ “Murder Castle” ยังคงถูกเล่าขานในแวดวงอาชญากรรมและเรื่องลี้ลับ ปราสาทแห่งความตายถูกเผาทำลายไปหลังจากการจับกุมของ Holmes แต่ความน่าสะพรึงกลัวของสถานที่นี้ยังคงอยู่ในจินตนาการของผู้คน
Holmes ไม่ใช่เพียงฆาตกรต่อเนื่องที่โหดเหี้ยมที่สุดในยุคนั้น แต่ยังเป็นต้นแบบของฆาตกรที่ใช้ความฉลาดและความโหดเหี้ยมในการก่ออาชญากรรม เขาคือภาพสะท้อนของด้านมืดในจิตใจมนุษย์ และชื่อของเขายังคงถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของอเมริกา