ใช่หรือไม่? เมื่อเป็นหวัดควรกิน "ผักผลไม้" ให้มาก
ใช่หรือไม่? เมื่อเป็นหวัดควรกิน "ผักผลไม้" ให้มาก
ผักผลไม้อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด จัดเป็นอาหารต้านการออกซิเดชันที่ดีมาก แต่เนื่องจากผักผลไม้มีฤทธิ์เย็น จึงควรระมัดระวัง
แต่ถ้าเราเป็นหวัดควรรับประทานผักผลไม้อย่างไรจึงจะเหมาะสม จากหนังสือ 100 วิธี รับมือโรคหวัด (HEALTH CARE FOR INFLUENZA) เขียนโดย หลินอิงชิน และคณะ ได้ให้เคล็ดลับในการรับประทานผักผลไม้ไว้ ดังนี้
ผักอุดมด้วยน้ำและเส้นใยอาหาร รวมทั้งแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ โดยมีโพแทสเซียมมากที่สุด ผักสีเขียวเข้มบางชนิดมีธาตุเหล็กมาก ทั้งยังมีวิตามินเอและซีค่อนข้างมาก และมีกลุ่มวิตามินบีในปริมาณพอสมควร แต่มีแคลอรีต่ำ
ผลไม้เป็นอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน เช่น วิตามินซี เอ และกลุ่มวิตามินบี ผลไม้ยังมีแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกาย มีน้ำมากและมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกัน จึงสามารถป้องกันโรคได้ แต่ผลไม้บางชนิดมีน้ำตาลสูง มีแคลอรีค่อนข้างสูง หากรับประทานมากอาจทำให้อ้วน
เนื่องจากผักผลไม้มีวิตามินปริมาณมาก หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยโรคหวัดมักมีอาการเบื่ออาหาร ร่างกายต้องการวิตามินมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับโรค ดังนั้นผักผลไม้ซึ่งมีรสชาติอร่อย ย่อยง่าย และผู้ป่วยรับประทานได้ง่าย จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหวัด
เมื่อเป็นหวัดควรรับประทานผลไม้ชนิดใด
บางคนเสนอว่า หากมีการอักเสบควรรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม ส้มจีน น้ำมะพร้าว ฯลฯ เพื่อ "ลดไฟ" แต่แพทย์แผนจีนบางคนมีความเห็นว่าน้ำผลไม้หรือผลไม้ส่วนใหญ่มีมีฤทธิ์เย็นมาก อาจทำให้หลอดลมหดตัว ทำให้ไอมากขึ้น จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหวัด (ยกเว้นเมื่อมีไข้)
โดยเฉพาะถ้ามีอาการไอ น้ำมูกไหล ท้องร่วง มือเท้าเย็น ไม่ควรรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นมาก เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น เมื่อเป็นหวัดควรรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์อุ่นหรือเป็นกลาง เช่น ชมพู่ ฝรั่ง ท้อ เชอรี่ ส้ม ฯลฯ ส่วนผักควรรับประทาน บร็อกโคลี แครอต ฟักทอง พริกหวาน ผักโขม (ปวยเล้ง) ผักกาดหอม ฯลฯ ผักผลไม้เหล่านี้อุดมด้วยวิตามินซีและเอ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากโรคหวัดได้
อ้างอิงจาก: หนังสือ 100 วิธี รับมือโรคหวัด (HEALTH CARE FOR INFLUENZA) เขียนโดย หลินอิงชิน และคณะ
