อุทยานเทวาลัยแห่งความศรัทธา"ศาลาแก้วกู่" จังหวัดหนองคาย
ถือว่าเป็นอีกสถานที่แห่งหนึ่งที่ใครได้มาจังหวัดหนองคายแล้วพลาดไม่ได้เลย อีกอย่างหนึ่งก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดโพธิ์ชัย(หลวงพ่อพระใส)เลยครับ เดินทางไม่ถึง 5 นาที โดยประมาณ นั่นก็คือ ศาลาแก้วกู่ หรือวัดแขก นั่นเอง
"อุทยานเทวาลัย" หรือ "ศาลาแก้วกู่" หรือที่ชาวหนองคายเรียกกันง่ายๆว่า "วัดแขก" เป็นสถานที่แทนภาพดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
ประวัติ
ศาลาแก้วกู่ อุทยานเทวาลัยแห่งความศรัทธา พื้นที่ 42 ไร่ ในชุมชนสามัคคี อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 3 กิโลเมตรนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาชมความแปลกตาด้วยความแปลกใจเพราะเต็มไปด้วยรูปปั้นก่ออิฐถือปูนมากมายทรงสูงตระหง่านใหญ่โตถูกสร้างขึ้นด้วยความศรัทธาและความเชื่อของ ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ หรือ ปู่เหลือ (พ.ศ.2476-2539) ว่าทุกศาสนาผสมผสานกันได้โดยปรารถนาให้ "อุทยานเทวาลัย" หรือ "ศาลาแก้วกู่" หรือที่ชาวหนองคายเรียกกันง่ายๆว่า "วัดแขก" เป็นสถานที่แทนภาพดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง หลังจากจ่ายค่าเข้าชมอุทยานเทวาลัยแล้ว เราก็เริ่มเดินไปรอบๆ ชมเทวาลัยปางต่างๆ ทันที ความรู้สึกหนึ่งเมื่อเรามองไปรอบๆ แล้ว บางครั้งก็รู้สึกเหมือนหลงเข้ามาเดินอยู่ในสวนของยักษ์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนใหญ่โตมหึมา จนตัวคนเหลือนิดเดียว เมื่อเทียบกับขนาดของรูปปั้น ส่วนใหญ่แล้วเทวาลัยต่างๆ จะมีเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ตามตำนานความเชื่อใน พราหมณ์ ฮินดู และคริสต์ แต่ก็มีงานประติมากรรมบางส่วนซึ่งได้จำลองเอาเหตุการณ์จากวรรณคดีสุภาษิตโบราณ หรือนิทานพื้นบ้าน นำมาจัดแสดงไว้เช่นกัน โดยที่บริเวณฐานของเทวาลัยเหล่านี้จะมีคำอธิบายเป็น “ภาษาไทยอีสาน” และ “ภาษาไทยภาคกลาง” บอกเล่าถึงเรื่องราวซึ่งเกี่ยวข้องกับชิ้นงานนั้นๆ สลักเอาไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อ่านได้ศึกษาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน หลายคนที่มาเที่ยวชมที่นี่บอกว่า เหมือนได้เที่ยวชมภาพจำลองนรกสวรรค์ รวมหลายศาสนา ซึ่งการได้อ่านพุทธประวัติและเรื่องราวต่างๆ ผ่านภาพปั้นเหล่านี้ ช่วยเตือนใจให้เกรงกลัวในบาปกรรมได้มากเลยทีเดียว
อุทยานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ ภายใต้แนวคิดว่า “ทุกศาสนาสามารถอยู่รวมกันได้” และ ให้เป็นสถานที่แทนภาพดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง” โดยเสียเข้าชมอุทยานคนไทยเสียค่าเข้าชมเด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท เมื่อเข้าไปข้างในเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ เพราะเต็มไปด้วยโดยเทวาลัยต่างๆ ด้วยศิลปะปูนปั้นที่ให้ความรู้สึกตรึงใจ ทั้งน่าเกรงขามและน่าเคารพอย่างสะพรึงกลัว มีพลังทุกจุดเหมือนชีวิตและความรู้สึก
นอกจากนี้ยังมีอาคารสำนักพุทธศาสนาแก้วกู่ความสูงสามชั้น สถาปัตยกรรมเลียนแบบมัสยิด บนหน้าบันของอาคารจารึกสัญลักษณ์โอม และอักษรไทย ศาลาแก้วกู่ โดยชั้นบนสุดเป็นที่ตั้งร่างของปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ที่บรรจุใน และไม่เน่าเปื่อยทำให้สร้างความอัศจรรย์แก่ผู้ที่ศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก
ศาลาแก้วกู่ สถานที่ที่ยิ่งใหญ่อลังการของรูปปั้นเทวาลัย ซึ่งเกิดจากแรงศรัทธา ความเชื่อในบาป บุญ คุณ โทษ ในคำสอนของศาสนาต่างๆ จนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์งานประติมากรรมปูนปั้นกลางแจ้งจำนวนมาก ที่หาชมที่ไหนไม่ได้ในประเทศไทย
ขอให้ทุกท่านปลอดภัยและมีความสุขกับทุกการเดินทาง ขอขอบคุณกับทุกการติดตามและรับชม ขอบคุณครับ
อ้างอิงจาก: วิกิเพียเดีย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย
https://thailandtourismdirectory.go.th/attraction/5152
https://nongkhaipao.go.th/public/list/data/detail/id/6330/menu/1619/page/1