เปิดที่มา ว่าเพราะเหตุใดเราถึงเรียก(คนและประเทศ)ญี่ปุ่นว่า "ญี่ปุ่น"
เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมเราถึงเรียกญี่ปุ่นว่า ญี่ปุ่น เพราะในขณะที่คนญี่ปุ่นเรียกประเทศของพวกเขาว่า นิปปง (Nippon) หรือ นิฮง (Nihon) รวมถึงในภาษาอังกฤษก็เรียกญี่ปุ่นว่า เจแปน (Japan) แล้วคำเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับญี่ปุ่นของคนไทยหรือเปล่า มาดูกันครับ โดยต้องย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ในเอกสารของจีนได้ปรากฎคำที่ใช้เรียกญี่ปุ่นว่า วอ หรือญี่ปุ่นอ่านว่า วะ ที่มีความหมายว่า เตี้ยแคระหรือยอมจำนน โดยใช้เรียกผู้คนบนเกาะคิวชูและภูมิภาคคันโตของเกาะฮนชู การที่จีนใช้คำว่าวอหรือวะในการเรียกญี่ปุ่น อาจดูเหมือนเป็นการเหยียดหรือใช้ในเชิงลบ แต่นักวิชาการหลายคนก็มองว่า คำว่าวออาจจะมีความเก่าแก่กว่านั้น และไม่ได้มีความหมายเชิงลบในทีแรก อย่างไรก็ตามต่อมา ญี่ปุ่นได้เปลี่ยนความหมายของคำว่าวอหรือวะที่ถูกจีนเรียก โดยนำคำพ้องเสียงอย่างคำว่า เหอ ที่แปลว่าสงบสุขหรือสามัคคี นั่นเอง จนกระทั่งช่วงศตวรรษที่ 7 ในเอกสารของจีนยุคราชวงศ์ถัง ได้ปรากฏชื่อเรียกใหม่ของญี่ปุ่นคือ รื่อเปิ่น หรือที่ญี่ปุ่นอ่านว่า นิปปง (Nippon) หรือ นิฮง (Nihon) นั่นเอง คำๆนี้มีความหมายว่า ถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์หรือดินแดนอาทิตย์อุทัย และเป็นชื่อที่ญี่ปุ่นเรียกตัวเองจนถึงทุกวันนี้ เหตุผลที่ญี่ปุ่นเรียกตัวเองว่านิปปงหรือนิฮง มาจากความผูกพันระหว่างชาวญี่ปุ่นกับดวงอาทิตย์ และยังเชื่อมโยงกับความเชื่อและตำนานปรัมปราของญี่ปุ่นที่ว่า ชาวญี่ปุ่นคือลูกหลานของอะมะเตราสุ (Amaterasu) เทพีแห่งดวงอาทิตย์ นอกจากนี้อาจเกี่ยวข้องกับการที่ญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจีน แม้ว่าญี่ปุ่นจะเรียกตัวเองว่านิปปิงหรือนิฮง แต่คำว่าวะที่เคยเป็นชื่อเรียกของญี่ปุ่น ก็ยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน อย่างเช่นคำว่า วาโชกุ (washoku) ที่หมายถึงกรรมวิธีปรุงและรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หรือจะเป็นเนื้อวากิว (wagyu) ที่แปลว่า วัวญี่ปุ่น แล้วจากนิปปงหรือนิฮง กลายเป็นญี่ปุ่นที่คนไทยเรียกได้อย่างไร เรื่องนี้มีต้นตอจากรื่อเปิ่นที่คนจีนเรียก แต่เป็นการอ่านแบบจีนสำเนียงอื่นที่ไม่ใช่จีนกลาง คำว่า ญี่ปุ่น คงเพี้ยนมาจากคำเหล่านี้ อันได้แก่ จีนกวางตุ้งอ่านว่า หยัดปุ๋น จีนฮกเกี้ยนอ่านว่า หยิดปุ้น จีนแต้จิ๋วอ่านว่า หยิกปุ้ง จีนแคะอ่านว่า หงิดปุ้น รวมถึงจีนเซี่ยงไฮ้ที่อ่านว่า เจปเปิ่น ส่วนอีกข้อสงสัยหนึ่ง ก็คือที่มาของคำว่า เจแปน (Japan) ว่ากันว่าต้นตอของคำนี้ ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 14 ในบันทึกของมาร์โค โปโล (Marco Polo) นักเดินทางชาวเวนิสที่รับใช้ราชสำนักจีนยุคราชวงศ์หยวน ได้เรียกญี่ปุ่นว่า ชิปังกู (Cipangu หรือ Zipangu) สันนิษฐานว่ามาจากภาษาจีนสำเนียงอู๋หรือไม่ก็สำเนียงหมิ่นใต้ รวมกับคำว่า กั๋ว ที่แปลว่าประเทศหรืออาณาจักร ต่อมาในศตวรรษที่ 16 ในบันทึกของชาวโปรตุเกส ได้ปรากฏคำอย่างเช่น Jepang, Jipang, หรือ Jepun ที่พ่อค้าชาวโปรตุเกสได้ยินมาจากชาวมลายูและชาวอินโดนีเซียอีกทอดนึง ส่วนภาษาอังกฤษปรากฏคำนี้ครั้งแรกในปลายศตวรรษที่ 16 แต่เขียนเป็นคำว่า Giapan ก่อนที่จะกลายเป็น Japan ในเวลาต่อมานั่นเอง
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
เปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยา
ใครที่ยังตั้งรหัสผ่านง่ายๆ รีบเปลี่ยนด่วน! เพราะไม่ปลอดภัยอาจโดนเจาะได้
เจาะเทรนด์ปี 2026! นิสัยและไลฟ์สไตล์ผู้ชายแบบไหนที่ "ดึงดูดใจ" สาวๆ ยุคใหม่มากที่สุด
บุรีรัมย์เดือด! ศึกชิงเก้าอี้ สส. วันแรกคึกคัก 'ไหม ศิริกัญญา' บุกถิ่นพรรคสีน้ำเงิน ท้าชนกลุ่มอำนาจเดิม
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
พระสงษ์ชาวเวียดนาม ผู้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องศาสนา
เรื่องของผู้ชายที่ควรรู้เกี่ยวกับการช่วยตัวเองบ่อยๆ ว่าจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายลดลงหรือไม่
เฉลยแล้ว! 2 จุดอับใน "เครื่องซักผ้า" ที่หลายคนมองข้าม จนกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว
“แอ่งดานาคิล” ราวกับอยู่บนต่างดาว สถานที่สุดโหดร้ายแห่งหนึ่งของโลก
ภาพของเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงหรือทีมทำความสะอาด ที่กำลังปฏิบัติงานบริเวณ "ดวงตา" ขององค์พระพุทธรูปอุชิคุ ไดบุตสึ