หิวไม่หยุด กินมากผิดปกติ กินแหลกก่อนมีประจำเดือน

 

อาการ “ประจำเดือนมาทีไรกินแหลกทุกที” เรียกว่า PMS (Premenstrual Syndrome) คือ กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นในช่วง 7-10 วันก่อนมีประจำเดือน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน (ช่วงไข่ตก) จะส่งผลต่อการแสดงออกทั้งทางร่างกายและอารมณ์ พบมากถึงร้อยละ 75 ของผู้หญิงที่มีรอบเดือน ต้องประสบกับอาการก่อนมีประจำเดือน ได้แก่ อยากอาหารมากขึ้น ท้องอืด เหนื่อยล้า มีปัญหาการนอนหลับ อารมณ์แปรปรวน และหงุดหงิดง่าย

 

 

อาการกินมากผิดปกติ ที่พบบ่อยในช่วงก่อนมีประจำเดือน

• กินอาหารแม้จะไม่ได้รู้สึกหิว หรือกินทั้ง ๆ ที่อิมแล้ว

 

• กินอาหารปริมาณมากบ่อย ๆ

 

• รู้สึกไม่ดี รู้สึกผิดหวัง หรือละอายใจหลังจากกินอาหารมากเกินไป

 

• แอบกินอาหาร หรือกินตลอดทั้งวัน

 

• อยากกินของหวานและขนมขบเคี้ยวที่มีไขมันมาก อย่างเช่น ช็อกโกแลต ลูกอม เค้ก

 

• อยากกินของรสเค็ม อย่างเช่น มันฝรั่งทอดกรอบ

 

• อยากกินอาหารที่มีไขมันมาก อย่างเช่น ไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์

 

 

วิธีรับมืออาการหิว ก่อนมีประจำเดือน

• เลือกกินอาหารประเภทแป้งเชิงซ้อนที่มีเส้นใยอาหารสูง อย่างเช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ลูกเดือย ขนมปังโฮลวีต ควีนัว จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และ “เพิ่มการกินโปรตีนให้เพียงพอในมื้อเช้า” อย่างเช่น ไข่ขาว ปลา เต้าหู้ขาว นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต ถั่ว จึงคุมระดับความหิวได้ดีกว่า

 

• เลี่ยงการกินน้ำตาล ขนมหวาน เพราะยิ่งกิน ยิ่งหิว เป็นผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดแปรปรวน

 

 

• เลี่ยงอาหารเค็ม ๆ เพราะอาหารที่มีโซเดียมสูงจะส่งผลให้เจริญอาหารและในช่วง PMS จะยิ่งทำให้ตัวบวมหนักขึ้นไปอีก

 

• อย่าอดจนหิว ควรทานให้ตรงเวลา หากหิวระหว่างมื้อให้เลือกกิน ถั่วแบบอบ ไม่ทอด ไม่ปรุงรส อย่างเช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง พิสตาชิโอ วอลนัท

 

• พักผ่อนให้เพียงพอ ยิ่งอดนอน ยิ่งทำให้ฮอร์โมนเครียดสูง ยิ่งทำให้หิวง่ายขึ้น

 

 

• ออกกำลังกาย จะช่วยผ่อนคลายและลดระดับฮอร์โมนเครียดลดลง แต่ถ้ารู้สึกเพลีย ไม่มีแรง ให้เลือกออกกำลังกายเบา ๆ อย่างเช่น โยคะ

 

• ลดปริมาณเกลือ การลดปริมาณเกลือในอาหาร จะช่วยลดอาการท้องอืด และสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงได้

 

• กินอย่างมีสติ การบันทึกการกิน และนับแคลอรี่จะช่วยทำให้มีสติ รู้ตัวว่ากินอาหารมากแค่ไหนแล้ว เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างเช่น อาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่าง ผัก ผลไม้ ถั่ว ที่จะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้น

 

 

• แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ แบ่งมื้ออาหารเป็น 6 มื้อต่อวัน คือ มื้อเช้า มื้อสาย มื้อกลางวัน มื้อบ่าย มื้อเย็น และมื้อค่ำ สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และอาจช่วยลดความอยากอาหารได้ แต่ควรระวังให้กินอาหารในปริมาณที่พอดี ไม่กินมากจนเกินไป

 

• ดื่มน้ำให้มาก ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน นอกจากจะทำให้รู้สึกอิ่มแล้ว ยังทำให้สุขภาพดีอีกด้วย

 

• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สมาคมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวสหรัฐอเมริกาให้ข้อมูลว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงก่อนมีประจำเดือน ทำให้ซึมเศร้ากว่าเดิม