เมื่อทำบาปใดเป็นอาจิณ วิบากในที่ที่เกิดใหม่ก็ต้องให้ผลเป็นอาจิณเช่นกัน
ทำไมหมั่นรักษาศีล ทาน ภาวนา
มาตลอดทั้งชีวิต
แต่วิบากกรรมไม่จบสิ้นสักที?
วิบากหนึ่งๆ
ไม่ได้ให้ผลตามใจใคร
เขารู้ของเขาเองว่า
...ต้นตอกรรมคืออะไร ทำไว้นานแค่ไหน
...มีกำหนดอายุการให้ผลเท่าไร
...มีกรรมใหม่ประมาณไหนไปทัดทานได้
แต่เราอยู่ในเกมกรรมที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลย
ลืมไปหมดแล้วว่าเคยทำอะไรมา
แล้วก็ต้องมาเผชิญหน้ากับวิบากที่ให้ผลอยู่เดี๋ยวนี้
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
สมมุติง่ายๆ
คุณดูธรรมชาติของผู้มีอำนาจ มีชื่อเสียง
หลายคนทำในสิ่งที่อยากทำ
และทำได้ทันทีแบบไม่ต้องคิด
บางคนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นอาชีพ
บางคนฉ้อฉลประชาชนจนสิ้นอายุ
บางคนประพฤติผิดทางกามไม่อิ่มไม่เบื่อ
บางคนโกหกได้ทุกเรื่อง ไม่เลือกเรื่องเล็กเรื่องใหญ่
บางคนกินเหล้าเมายาตลอดศก ฯลฯ
เมื่อทำบาปใดเป็นอาจิณ
วิบากในที่ที่เกิดใหม่
ก็ต้องให้ผลเป็นอาจิณเช่นกัน
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ทาน ศีล ภาวนา
ที่ให้ผลในชาตินี้
ที่ชัดเจนคือให้ผลกันที่ใจครับ
ใจเป็นสุขขึ้นทันที
ไม่ต้องทุกข์หนัก
อย่างที่ควรเกิดในคนทั่วไป
และจะไปให้ผล
เป็น ‘แผนชะตาใหม่’ เอาในชาติหน้า
ซึ่งเพราะกฎธรรมชาติ
ที่เหมือนต้องรอนานนี้แหละ
ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ
ขาดกำลังใจ และไม่มีแก่ใจ
ที่จะอดทนสร้างบุญสร้างกุศลให้ต่อเนื่อง
เกือบร้อยทั้งร้อยถอดใจ
และยอมตัวให้บาปอกุศลกันหมด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าเมื่อใดทำบุญ
แล้วมีความสุข มีความยินดีในบุญ
ไม่รู้สึกว่าความทุกข์ได้ที่ยืนถนัดนัก
นั่นแหละครับ บุญให้ผลทางใจแล้ว
ทำต่อไปเถอะ
อย่าคาดหวังให้ชะตาภายนอกเปลี่ยนแปลงทันใจ
แล้วถึงเวลาจะรู้เองว่า
ข้างในนั่นเอง คือโลกที่แท้จริง
เมื่อโลกภายในเปลี่ยนเป็นสุขอย่างสมบูรณ์
โลกภายนอกจะไม่อาจต้านทาน
ในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนเป็นสุขตามไปด้วยครับ
อย่าท้อนะ!