ในวงการศิลปะ เรามักจะเจองานที่หลุดกรอบความคิดดั้งเดิมอยู่เสมอ แต่เคยสงสัยไหมว่า “งานศิลปะที่มองไม่เห็น” จะมีคุณค่าถึงขนาดไหน? Salvatore Garau ศิลปินชาวอิตาลีวัย 67 ปี ได้สร้างความฮือฮาด้วยการขายผลงานที่เขาเรียกว่า “ประติมากรรมไร้ตัวตน” หรือ "immaterial sculpture" ที่ไม่มีตัวตนทางกายภาพ แต่กลับมีมูลค่าสูงถึง 15,000 ยูโร (ประมาณ 570,000 บาท)
“Lo Sono” ศิลปะที่อยู่ในความว่างเปล่า
ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า Lo Sono ซึ่งแปลว่า “ฉันคือ” ศิลปินเชื่อว่างานของเขาไม่ได้ว่างเปล่าอย่างแท้จริง แต่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังงาน แม้จะไม่มีวัตถุใดๆ ปรากฏให้เห็น Garau ให้เหตุผลผ่านแนวคิดที่สอดคล้องกับหลักการของฟิสิกส์ โดยเขากล่าวกับสำนักข่าว *Diario AS* ของสเปนว่า “ความว่างเปล่าเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังงาน และแม้เราจะทำให้ว่างเปล่าจนดูเหมือนไม่มีอะไรเหลือ แต่ตามหลักการของความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก (Heisenberg uncertainty principle) ความว่างนั้นยังคงมีน้ำหนักและสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานได้”
เบื้องหลังการประมูลที่สร้างความประหลาดใจ
Lo Sono ถูกนำขึ้นประมูลในเดือนพฤษภาคมที่ Art-Rite บ้านประมูลในอิตาลี โดยเริ่มต้นการประเมินราคาที่ 6,000-9,000 ยูโร แต่ในที่สุดก็ถูกประมูลไปในราคา 15,000 ยูโร พร้อมใบรับรองความแท้ของงานศิลปะ ซึ่งระบุเงื่อนไขว่า งานชิ้นนี้ต้องจัดแสดงในพื้นที่ขนาด 5 x 5 ฟุต ที่ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ ในบ้านของผู้ซื้อ
ความหมายที่ลึกซึ้งในความว่างเปล่า
ผลงานของ Garau ท้าทายความคิดเกี่ยวกับความหมายของศิลปะและการมีตัวตนในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลและวัตถุ เขาส่งข้อความถึงผู้ที่สนใจงานของเขาว่า ศิลปะไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่เรามองเห็น แต่เป็นสิ่งที่เรา “รู้สึก” และ “ตีความ” ในจินตนาการของเราเอง
ทำไมคนถึงยอมจ่าย 15,000 ยูโร?
คำถามที่เกิดขึ้นคือ เหตุใดจึงมีคนยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อ "ความว่างเปล่า"? บางคนมองว่านี่คือตัวอย่างของการตลาดในวงการศิลปะที่เหนือชั้น ขณะที่บางคนเชื่อว่านี่คืองานศิลปะที่แท้จริงซึ่งสะท้อนแนวคิดเชิงลึกเกี่ยวกับธรรมชาติของการมีอยู่และการรับรู้
ศิลปะไร้ตัวตนในมุมมองของคนรุ่นใหม่
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับโลกดิจิทัลที่มองไม่เห็นแต่ทรงพลัง แนวคิดของ Garau อาจไม่ได้แปลกประหลาดเท่าที่ควร เพราะในโลกปัจจุบัน หลายสิ่งที่เรามองไม่เห็น เช่น ข้อมูลดิจิทัล สกุลเงินดิจิทัล หรือเทคโนโลยี AI กลับมีคุณค่าและอิทธิพลต่อชีวิตของเรา