นิมิตการกระทำในนาทีใกล้ตาย
นิมิตการกระทำในนาทีใกล้ตาย
ครุกรรม ทำอะไรไว้หนักหนา
อาจิณณกรรม ทำอะไรไว้เยอะ
อาสันนกรรม ทำอะไรไว้ก่อนตาย
กตัตตากรรม ทำให้เกิดเรื่องดีร้ายไว้โดยไม่ตั้งใจ
ทุกคนต้องไปถึงวันนั้น
วันที่ย้อนกลับมามองว่า
มีอะไรบ้างที่ต่างจากความฝัน
มีอะไรบ้างที่เอาติดมือไปได้
เคยคิดว่ามีแค่ไหน
ก็เหมือนต้องหายไปแค่นั้น
นาทีสุดท้ายจะให้ระลึกว่า
ตัวเองชื่ออะไร ตระกูลไหน
หลายคนยังนึกไม่ออก
มีแต่คนข้างหลังที่ช่วยจำให้ ช่วยทำป้ายให้
ธรรมชาติของกรรมไม่มีคำว่าลืม
ที่สุดของความเป็นมนุษย์
ไม่ใช่ ‘ได้อะไรมา'
แต่เป็น ‘ทำอะไรบ้าง'
วาระสุดท้าย
ความจำเกี่ยวกับกรรม
จะเรียงคิวมาให้ระลึกได้ว่า
ที่ผ่านมาทำอะไรลงไป
หนักไปทางมืดหรือทางสว่าง
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
จะพูดให้ง่ายก็ได้ว่า นาทีใกล้ตาย
คือนาทีที่กรรมหาบ้านใหม่ให้แก่จิต
ด้วยการปรุงแต่งจิตเป็นนิมิตการกระทำ
ที่เกิดขึ้นจริงในชาติที่ผ่านมา
เป็นหลักฐานประจักษ์จิตว่า
ทำอะไรไว้หนักหนา (ครุกรรม)
ทำอะไรไว้เยอะ (อาจิณณกรรม)
ทำอะไรไว้ก่อนตาย (อาสันนกรรม)
หรือเคยทำให้เกิดเรื่องดีร้ายโดยไม่ตั้งใจ (กตัตตากรรม)
แต่ละนิมิตการกระทำ
ไม่ได้มีแต่ภาพเปล่าๆ
ทว่าจะปรากฏเจตนากำกับอยู่ด้วย
ฟ้องชัดว่าที่ทำๆนั้น
เล็งผลให้เกิดอะไรขึ้น
นาทีใกล้ตาย
แล้วนึกออกแจ่มแจ้งว่า
เคยหวังดีหรือหวังร้ายกับใครแค่ไหน
จะเป็นนาทีแห่งการรู้ตัวว่า
ได้เคยทำบุญหรือก่อบาป
ปรุงแต่งจิตวิญญาณของตัวเอง
ให้มืดหรือสว่างประมาณใด
ตอนนั้นเองคุณจะรู้ซึ้งว่า
เจตนานั่นเองคือกรรม
ที่แท้แล้วกรรมคือเจตนา
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แต่ละชาติมีปมมืดและสว่างนับล้าน
ที่ปรุงแต่งจิตวิญญาณอย่างซับซ้อน
ไม่เสมอไปที่ในนาทีแห่งความตาย
คนเราจะอยากพูดความจริง
หรืออภัยได้หมด
ไม่เสมอไปที่ในนาทีใกล้จะต้องเกิดใหม่
คนคนหนึ่งจะนึกถึงบุญกุศล
หรือบุคคลอันเป็นที่พึ่งทางจิตวิญญาณได้ง่ายๆ
ทุกอย่างเกิดจากความเคยชินที่จะคิด
คนเราใช้ชีวิตด้วยการคิดถึงสิ่งใดโดยมาก
ก็มักใช้นาทีสุดท้ายในการคิดถึงสิ่งนั้นแหละ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่สุดของการมีโอกาสเป็นมนุษย์
จึงไม่ใช่แข่งกันเอาอะไรดี
หรืออวดว่าได้อะไรมา
แต่ควรเร่งสำรวจว่าแต่ละวันที่ผ่านไป
เราสั่งสม ‘ภาพกรรม’ แบบไหน
ไว้ให้นึกออกตอนตาย
ความหวังดีหวังร้าย
ที่เรากำลังเล็งๆอยู่เป็นประจำนั่นแหละ
จะเป็นตั๋วเดินทางพาไปเช็คอินเพื่อเข้าอยู่!