"รู้ไว้ก่อนลอย! ตำนานและความเชื่อวันลอยกระทง 2567"
วันลอยกระทง 2567: ประเพณีและความหมาย
วันลอยกระทง เป็นหนึ่งในประเพณีที่สำคัญของไทย จัดขึ้นในคืนวันเพ็ญ เดือน 12 หรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เมื่อดวงจันทร์เต็มดวงและน้ำหลากสูงสุด ปี 2567 นี้ ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน ประเพณีนี้มีการนำดอกไม้ ธูป เทียน และของใช้ต่าง ๆ มาประดิษฐ์เป็นกระทงที่สามารถลอยได้ เพื่อนำไปปล่อยลงในแหล่งน้ำ โดยมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
ความเป็นมาของประเพณีลอยกระทง
ประเพณีนี้ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย แต่ยังพบในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน อินเดีย ลาว พม่า ซึ่งมีพิธีคล้ายคลึงกัน แม้จะต่างกันในรายละเอียดและความเชื่อ เช่น ในไทยมีทั้งความเชื่อเรื่องบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งแม่น้ำนัมมทาและการขอขมาพระแม่คงคา ในขณะที่ในประเทศจีน การลอยกระทงถูกเรียกว่า “ปล่อยโคมน้ำ” เพื่อเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษและแสดงความกตัญญู
ต้นกำเนิดของการลอยกระทงในตำนานไทย
ตำนานและคติความเชื่อหลายเรื่องเชื่อมโยงกับการลอยกระทง ในบางแหล่งบันทึกว่าเกิดจากการบูชารอยพระพุทธบาทตามคำทูลของพระยานาคที่ขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จประทับรอยพระบาทไว้เพื่อบูชา อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับเรื่องราวใน “ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์” หรือ “ตำนานนางนพมาศ” ซึ่งเล่าถึงพระสนมเอกที่คิดประดิษฐ์กระทงดอกบัวกมุทถวายพระมหากษัตริย์เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแบบแผนประเพณีที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ทำไมถึงลอยกระทง
การลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่โบราณ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนถึงจุดเริ่มต้นของประเพณีนี้ ท้องถิ่นต่างๆ มีความเชื่อและวัตถุประสงค์ในการลอยกระทงที่แตกต่างกันไป ในทางพระพุทธศาสนา การลอยกระทงอาจหมายถึงการบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บูชารอยพระพุทธบาทที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทา (หรือแม่น้ำเนรพุททาในอินเดีย) หรือเป็นการต้อนรับพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จกลับจากเทวโลกหลังจากโปรดพระพุทธมารดา
วัตถุประสงค์ของวันลอยกระทง
นอกจากความเชื่อทางศาสนาแล้ว การลอยกระทงยังเป็นการบูชาพระอุปคุตเถระที่บำเพ็ญสมาธิอยู่ในทะเลลึก บางที่ลอยกระทงเพื่อแสดงความขอบคุณแก่พระแม่คงคาที่ให้น้ำซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ พร้อมทั้งขอขมาสำหรับสิ่งปฏิกูลที่ทิ้งลงน้ำ บางชุมชนลอยกระทงเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษ หรือสะเดาะเคราะห์ลอยทุกข์โศก และในบางครั้งผู้คนมักอธิษฐานขอพรตามที่ตนปรารถนา
พระยาอนุมานราชธนสันนิษฐานว่า การลอยกระทงอาจมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตของชนชาติที่ทำกสิกรรมซึ่งพึ่งพิงน้ำ เมื่อการเพาะปลูกได้ผลดีและระดับน้ำสูงขึ้น ผู้คนจึงลอยกระทงเพื่อขอบคุณเทพเจ้าหรือน้ำที่ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ พร้อมกับการเฉลิมฉลองด้วยความยินดี เมื่อเวลาผ่านไปแม้ความวิตกเกี่ยวกับการเพาะปลูกลดน้อยลง ผู้คนยังคงรักษาประเพณีนี้ไว้โดยปรับให้เข้ากับความเชื่อทางศาสนา เช่น การทำบุญในศาสนาพุทธ แต่ที่เหลืออยู่มักเป็นการเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนานและเป็นที่แพร่หลายในหลายชาติต่างๆ
ทำไมกระทงส่วนใหญ่เป็นรูปดอกบัว
กระทงที่เป็นรูปดอกบัวมีที่มาจากหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์หรือเรื่องราวของนางนพมาศ พระสนมเอกของพระมหาธรรมราชาลิไทย แห่งกรุงสุโขทัย ที่ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง พระมหาธรรมราชาลิไทยเสด็จลำน้ำ และได้ให้พระสนมตกแต่งกระทงประดับดอกไม้ธูปเทียน นางนพมาศได้คิดทำกระทงรูปดอกบัวกมุทที่บานเฉพาะในคืนวันเพ็ญนี้ เพื่อถวายเป็นสักการะรอยพระพุทธบาท พระร่วงเจ้าทรงชื่นชมและมีพระราชดำรัสให้สืบทอดการทำกระทงรูปดอกบัวในพิธีลอยกระทงทุกปีนับแต่นั้นเป็นต้นมา ดังนั้นจึงเห็นกระทงรูปดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของการลอยกระทงจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิงจาก: ข้อมูล :อมรรัตน์ เทพกำปนาท สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
ภาพ : หมอน ขิด หมอน สามเหลี่ยม