การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หนานจิง รอยแผลระหว่างจีนกับญี่ปุ่น
การข่มขืนที่หนานจิง หรือที่รู้จักกันในชื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หนานจิง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 1937 ถึง มกราคม 1938 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดเมืองหนานจิง ซึ่งในขณะนั้นเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐจีน
เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเข้าสู่เมืองหนานจิง พวกเขาได้ปล่อยความรุนแรงออกมาอย่างโหดเหี้ยมต่อพลเรือนชาวจีนและทหารที่ถูกปลดอาวุธ โดยมีการสังหารหมู่ การข่มขืน การปล้นสะดม และการทรมานอย่างกว้างขวาง รายงานระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมากระหว่าง 200,000 ถึง 300,000 คน และมีผู้หญิงตกเป็นเหยื่อการข่มขืนตั้งแต่ 20,000 ถึง 80,000 คน เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่ประสบภัย แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจและความทรงจำของชาวจีนในรุ่นถัดมา
การบันทึกเหตุการณ์จากพยานต่างชาติ เช่น จอห์น แรบ และมินนี่ วอตริน ได้ช่วยให้โลกได้รับรู้ถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น พวกเขาได้พยายามสร้าง "เขตความปลอดภัย" เพื่อปกป้องพลเรือนจากความรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำอันโหดเหี้ยมได้ ในบันทึกของพวกเขา มีรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เราเข้าใจถึงความทุกข์ทรมานของผู้คนในช่วงเวลานั้น
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หนานจิงยังคงเป็นเรื่องที่มีข้อถกเถียงในปัจจุบัน ในจีน เหตุการณ์นี้ถูกระลึกถึงว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทุกข์ทรมานและความเข้มแข็งของชาติ ในทางกลับกัน ในญี่ปุ่น การพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้มักพบกับการปฏิเสธและการต่อต้านจากบางกลุ่ม ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ