"ใบสาบเสือ"มีสรรพคุณอะไรบ้าง มีประโยชน์ต่อร่างกายยังไง
ใบสาบเสือเป็นสมุนไพรที่หลาย ๆ คนรู้จักดี ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในเลย เหมาะมากกับการรักษาแผลสด ลดการอักเสบ และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เดี๋ยวมาดูกันว่าใบสาบเสือมีสรรพคุณอะไรบ้าง และเราสามารถใช้ได้อย่างไรให้ปลอดภัย
1.ช่วยห้ามเลือดและสมานแผล
ใบสาบเสือใช้ห้ามเลือดได้ดีมาก ถ้าเราเผลอไปโดนของมีคมบาด หรือมีแผลสด เพียงแค่เด็ดใบสาบเสือสด ๆ มาขยี้ให้ใบแตก ๆ หน่อย แล้วเอาไปโปะตรงแผล จะช่วยให้เลือดหยุดไหลเร็วขึ้นมาก และไม่ใช่แค่ห้ามเลือดอย่างเดียว ใบสาบเสือยังช่วยทำให้แผลหายไว ลดการอักเสบ และยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อาจจะเข้ามาทำให้แผลติดเชื้อด้วย
2.ลดอาการปวด บวม และอักเสบ
สมมติว่าเราเกิดอาการฟกช้ำ หรือข้อแพลงจากการเล่นกีฬา ใบสาบเสือก็เป็นตัวช่วยได้ เพียงแค่เอามาตำหรือขยี้ ๆ แล้วพอกไว้ตรงที่บวม หรือฟกช้ำ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวมแดง ทำให้ไม่ปวดมากและรู้สึกสบายขึ้น
3.ช่วยแก้ไอ ขับเสมหะ
นอกจากการใช้ภายนอกแล้ว ใบสาบเสือยังใช้ได้ภายในด้วย ถ้าใครมีอาการไอ เจ็บคอ หรือมีเสมหะเยอะ ก็สามารถใช้ใบสาบเสือต้มกับน้ำร้อนแล้วดื่ม จะช่วยให้เสมหะลดลง บรรเทาอาการไอได้ดี ทำให้คอโล่งขึ้น
4.ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องกระเพาะ ใบสาบเสือมีสรรพคุณช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร จึงช่วยให้แผลในกระเพาะหายไวขึ้น อาการปวดท้องก็ดีขึ้นด้วย แต่ถ้าต้องการใช้ในการรักษาอาการเรื้อรัง ควรปรึกษาผู้รู้หรือหมอก่อน เพื่อความปลอดภัย
5.ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
ใบสาบเสือมีสารที่ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ดี ทำให้เหมาะมากกับการรักษาแผลที่เสี่ยงจะติดเชื้อ ช่วยให้แผลสะอาดขึ้น ลดความเสี่ยงที่แผลจะเป็นหนองหรืออักเสบ
6.ช่วยลดความดันโลหิต
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาว่าใบสาบเสือช่วยขยายหลอดเลือดได้เล็กน้อย ซึ่งส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง เหมาะสำหรับคนที่มีความดันสูง แต่ต้องใช้ในปริมาณพอเหมาะ และถ้ามีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีกว่า
วิธีใช้ใบสาบเสือแบบปลอดภัย
การใช้ใบสาบเสือนั้น ถ้าจะใช้แบบทา ให้ใช้ใบสดนำมาขยี้หรือตำให้ละเอียดแล้วนำไปพอกได้เลย ส่วนถ้าจะใช้แบบกิน ก็ควรใช้ในปริมาณเล็กน้อย หรือต้มดื่มเป็นชาบ้างบางครั้งพอ โดยไม่ควรกินมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้ หรือในบางคนอาจแพ้ได้
ข้อควรระวัง
การใช้สมุนไพรต่าง ๆ แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะแต่ละคนมีร่างกายที่ตอบสนองไม่เหมือนกัน หากจะใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าเราใช้สมุนไพรได้อย่างปลอดภัย